ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสได้ขับขี่รถจาก BMW มาเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะครั้งไหนผมก็ยังคงจะรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้ง ว่าจะมีอะไรที่จะได้เรียนรู้ และมีอะไรที่ใส่เพิ่มเข้ามาอีกบ้างรึเปล่าสำหรับรถในแต่ละรุ่นจาก BMW Motorrad
และคราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ผมได้ออกมาขับขี่ไปกับ BMW F 900 R รถในแบบ Naked bike พิกัดกลางจาก BMW ที่เรียกว่า ใส่ระบบความปลอดภัยมาให้อย่างเต็มเปี่ยมที่ยกมาจากรุ่นใหญ่อย่าง R 1250 GS แต่มาในราคาครึ่งนึงนั่นแหล่ะครับ
เส้นทางในวันนี้ที่ต้องเรียกว่าเป็นการฝ่ามรสุมของสายฝนในช่วงหน้าฝนที่หนักหน่วงของบ้านเรา ที่ตกกันทั้งวันตั้งแต่เช้ามืดจนค่ำ ทำให้สภาพเส้นทางนั้นเรียกได้ว่ามีทั้งลื่น ทราย ลุยน้ำ ลุยเลนให้ล้างรถเล่นบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร … เพราะอะไรนั่นเหรอครับ มาตามดูกันเลยดีกว่า
รูปลักษณ์ทั่วไป สีน้ำเงินมีอะไร
รายละเอียดทางเทคนิค – สเปคของตัวรถที่น่าสนใจ
BMW Connected สุดแหล่ม ข้อมูลพร้อมขิง กับหน้าจอสุดแจ่ม
แบบคลิปดูได้ที่นี่เลย
รูปลักษณ์ทั่วไป
“1 สี คือ 1 package” เป็นคำจำกัดความง่ายๆของสีต่างๆใน BMW F 900 R เพราะทาง BMW จะใส่อุปกรณ์พื้นฐานของตัวรถมาตามสีแบบตรงไปตรงมา
ซึ่งแต่ละสีก็จะมี “ชื่อสี” ของตัวเอง แต่ผมก็ขอเรียกง่ายๆ ตามความเข้าใจง่ายๆ ของผมตามนี้หล่ะกันครับ
- สีดำ ล้อเงิน – Black Storm Metallic
- สีน้ำเงิน ล้อดำ – San Marino Blue Metallic
- สีเทา แดง – Hockenheim Silver Metallic / Racing Red (Sport Style)
หน้าจอการแสดงผลต่างๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน BMW Connected Ride เพื่อใช้ในการนำทาง หรือบันทึกข้อมูลเส้นทางการขับขี่ต่างๆ รวมไปถึงแสดงการทำงานของระบบภายในรถได้อย่างละเอียด
และอย่างที่บอกไว้แล้วว่า “1 สี = 1 package” เพราะฉนั้น อุปกรณ์ที่ติดมาในรถก็จะมีความแตกต่างกันออกไปอีก …. แต่ระบบความปลอดภัยพื้นฐานนั้นมีครบทุกรุ่นครับ ไล่เรียงกันมาเลยตั้งแต่
- Dynamic Traction Control (DTC) ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหลังหมุนฟรีทิ้ง (หมุนเร็วกว่าล้อหน้า)
- Dynamic Engine Brake Control (EBC) ช่วยตัดแรงฉุดจากเครื่องยนต์เมื่อมีการเบรคฉุกเฉิน เพื่อลดแรงดึงของเครื่องยนต์ออก และใช้เพียง “เบรค” ในการหยุดรถ
- Gear Shift Assistant Pro หรือที่เราคุ้นว่า Quick shifter นั่นแหล่ะครับ โดยทำงานทั้งขึ้น และลง
- ABS Pro กันล้อหน้าหลังล็อคภายใต้การเบรครุนแรง
- Keyless ไม่ต้องเสียบกุญแจทุกคัน
- โหมดการขับขี่ Rain, Road, และ Dynamic
รูปลักษณ์ทั่วไป สีน้ำเงินมีอะไร
ความแตกต่างหลักๆของแต่ละสีนั้น สรุปกันง่ายๆได้ตามนี้เลย
Touring Package – กับขายึด GPS, ระบบ Cruise Control, แร็คติดกระเป๋า และขาตั้งคู่เพื่อสะดวกกับการใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว
Dynamic Package – ที่จะมากับ ไฟหน้าแบบ Headlight Pro ที่จะติดขึ้นได้เมื่อรถมีการเอียงมากกว่า 7 องศา เพื่อช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในขณะขับขี่เข้าโค้ง รวมไปถึง Dynamic ESA หรือเรียกง่ายๆว่าโช้คไฟฟ้าที่ปรับตั้งได้ตามการใช้งานในขณะนั้นได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเดินทางคนเดียว ออกไปรับใคร หรือจะขนอะไรกลับมา ปรับที่ปลายนิ้ว … จบ
นอกจากนั้นยังมี Shift Assistance หรือ Quickshift ที่ทำงานได้ทั้งขึ้น และลง รวมไปถึงกันสะบัดติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานเลยหล่ะครับ
ฝาถังน้ำมันแบบ Keyless ที่เพียงแค่ดับเครื่องก็สามารถยกเปิดขึ้นมาได้ (ในระยะกุญแจ) รวมไปถึงชิวบังลมหน้าขนาดเล็ก และ Heated Grip ที่ต้องบอกว่าสบายมากเลยกับสภาพอากาศฝนตกทั้งวันในวันนี้
ซึ่งการวางตำแหน่ง Package ของแต่ละรุ่นนั้นก็ออกแบบมาเพื่อความเหมาะสมสำหรับการขับขี่ในแต่ละรูปแบบนั่นเอง โดยจะแบ่งออกเป็น
- สีดำรุ่นเริ่มต้นสำหรับการขับขี่ในเมือง เน้นใช้งานทั่วไป
- สีน้ำเงินมากับแพ็คเกจที่พร้อมสำหรับออกไปเดินทาง
- สีแดงเสริมความสปอร์ตพร้อมออกตัวชิงไฟ (อย่างปลอดภัยน้า)
รายละเอียดทางเทคนิค – สเปคของตัวรถที่น่าสนใจ
เอามาแบบสเปคเน้นๆ ที่น่าสนใจกันเลยดีกว่า
BMW Connected สุดแหล่ม ข้อมูลพร้อมขิง กับหน้าจอสุดแจ่ม
ดูคลิปตัวอย่างของ Connect App จาก BMW ได้เลย บอกเลยว่าข้อมูลที่รถส่งมาเก็บใน App นี่ครบมาก
ต้องเรียกว่าเป็นค่ายรถค่ายนึงที่มีการใช้งานเชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถส่งตรงเข้ามายัง app ในโทรศัพท์เราได้แบบ “ครบ” และเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น การทำงานของระบบ DTC (Dynamic Traction Control) และ ABS รวมไปถึง GPS Log ของเส้นทางที่เราได้ทำการขับขี่ไปทั้งหมด ข้อมูลสภาพอากาศ หรือจะวางแผนเส้นทางการขับขี่ต่างๆก็ทำได้ง่ายดายมากเช่นเดียวกัน
ความพิเศษอีกอย่างที่ผมชอบเลยก็คือ ความสามารถในการ “แพลนเส้นทางล่วงหน้า” ซึ่งเราสามารถใช้ app route อื่นๆ ทำไฟล์เส้นทาง ก่อนที่จะส่งต่อให้เพื่อนๆ เพื่อโหลดเข้าไปที่รถของตัวเอง และแสดงผลเส้นทางบนหน้าจอ TFT ขนาดใหญ่ 6.5” ได้เลย แหล่มมาก สำหรับสายหลงอย่างผมเนี่ยแหล่ะครับ
หมายเหตุว่า … รถ และโทรศัพท์ จะต้องเชื่อมต่อกันก่อนออกเดินทางนะครับ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีการบันทึกข้อมูลมาที่ app
สัดส่วนคน และรถ
กับความสูงของผมที่ 163 cm และน้ำหนัก 60 kg กับเบาะ standard seat ที่ 815 mm ลงปลายเท้าได้ทั้งสองข้าง การยกรถขึ้นตั้งตรงทำได้ง่าย สบาย ด้วยการวางศูนย์ถ่วงของรถที่ค่อนข้างต่ำ คล่องตัวเลยหล่ะครับ
ได้เวลาออกไปขี่กันแล้ว
ทันทีที่ขึ้นไปคร่อมบน F 900 R คันนี้ความรู้สึกแรกของผมคือ กระทัดรัดมาก ตัวรถที่ดูมิติเหมือนจะใหญ่ แต่พอคร่อมแล้วรู้สึกว่าการออกแบบสรีระ ท่าทางในการขับขี่ของ F 900 R ได้รับการพัฒนาให้มีความกระชับ และกระทัดรัดมากขึ้นกว่า F 800 R พอสมควร เป็นรถในแบบ Naked ที่มีท่านั่งค่อนข้างหลังตรง หรือเรียกได้ว่าสบายเลยหล่ะครับ
คลัชนุ่มเนียน คันเร่งทุกอย่างให้ความรู้สึกที่นุ่มมือ เนียนมือไปหมด ออกตัวไปแล้วไม่รู้สึกอะไรถึงน้ำหนักของรถเลยหล่ะครับ ซึ่งตรงนี้ต้องบอกว่า BMW จัดการเรื่องการวางน้ำหนักของตัวรถได้ดีมากเลยหล่ะครับ
การใช้งานบน Rain โหมด พร้อมช่วงล่างแบบ Dynamic ESA (ปรับอัตโนมัติ) จะได้รับการปรับตั้งให้รู้สึกยวบๆ เด้งๆ แปลกๆ แต่บอกเลยว่า การขับขี่บนทางลื่นๆ ฝนตก มีน้ำขัง หรือแม้กระทั่งบนทราย ช่วงล่างยวบๆ แบบนี้ รวมเข้ากับคันเร่งที่หน่วงลงเล็กน้อย จะช่วยให้การส่งแรงบิดลงที่ล้อหลังทำได้อย่างสม่ำเสมอ และส่งแรงบิดลงพื้นให้ได้การยึดเกาะที่ดีที่สุดในขณะนั้นเลยหล่ะครับ
ด้วยระบบไฟฟ้าที่ทำงานเต็มระบบใน Rain mode การทำงานของ ABS Pro และ Dynamic DTC “ละเอียดมาก” ขนาดที่ว่าตั้งใจเบรคบนทรายแรงๆ ยังแทบไม่รู้สึกเลยหล่ะครับว่า ตอนนี้ ABS กำลังทำงานอยู่ ความรู้สึกที่คันเบรคเท้า และก้านเบรคมือดีดกลับมีน้อยมาก จนแทบไม่รู้ว่าตอนนี้ ABS กำลังทำงานแล้วนะ ส่วน Dynamic DTC เองก็มีการทอนการส่งกำลังจากการจ่ายน้ำมันอย่างพอดี ที่ทำให้อาการที่ล้อหลังส่งออกมาน้อยมาก
ลืมการเชนเกียร์ และการใช้ engine brake ออกไปก่อน เพราะ “กำคลัช + เบรคหน้า” … คือสิ่งที่จะทำให้ได้ระยะเบรคฉุกเฉินสั้น และง่ายที่สุดบน F 900 R ในสภาพฝนตก ทางลื่นแบบนี้
ใจเย็นๆนะครับ ผมไม่ได้กำลังบอกว่า การเบรคต้องกำคลัช แต่การใช้ระบบ ABS Pro ของรถจาก BMW ที่มากับระบบ EBC นั้น เมื่อเค้าพบว่าเรากำลังเบรคฉุกเฉิน ตัวรถจะทำการตัดแรงฉุดของเครื่องยนต์ออกเองอยู่แล้ว พร้อมด้วยปล่อยให้ระบบ ABS Pro ทำงานเองเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วลงให้ได้เร็วที่สุด
ส่วนการแนะนำให้กำคลัชนั้นคือ เพื่อลดโอกาสที่เครื่องจะดับเมื่อเบรคกระทันหัน และสามารถใช้รอบเครื่องยนต์เดินรถออกต่อได้ทันทีเมื่อพ้นสิ่งกีดขวาง หรืออุปสรรคต่างๆนั้นต่อไปแล้ว
อัตราสิ้นเปลือง
กับรถในพิกัด 895 cc คันนี้กับระยะทางรวม 212 km ในสภาพการใช้งานที่หลากหลายทั้งการจราจร และการขับขี่ทางไกล ผมเติมน้ำมันกลับไปที่ 11.4 litre (เรียกว่าแทบจะหมดถัง) ทำให้ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 18.6 km/litre จัดว่าโอเคเลยหล่ะครับ ซึ่งต้องบอกว่า F 900 R คันนี้จะใช้น้ำมันเท่าไหร่นั้น อยู่ที่มือของเราล้วนๆ
ข้อดี / ข้อสังเกต
ข้อดี
- ระบบความปลอดภัยที่ “เต็ม” ยกมาจากรุ่นใหญ่ราคาหลักล้าน มาใส่ในรถระดับกลางที่เข้าถึงได้ง่าย
- Dynamic ESA ยกมาเลย ปรับตั้งง่าย และใช้งานได้จริงตามน้ำหนักบรรทุก (1 คน , 2 คน , 2 คน + สัมภาระ) ซึ่งทาง BMW แนะนำให้จอดก่อนปรับตั้งเพื่อยืดอายุการใช้งานนะครับ
- โดดเด่นด้วยช่วงล่างที่ที่ให้การตามติดที่เหมาะสมกับสภาพเส้นทางได้อย่างลงตัว (บนสภาพถนนที่เหมาะสมนะครับ)
- Package ต่างๆของตัวรถเหมาะสมกับการใช้งานในลักษณะของตัว
- หน้าจอแสดงผลที่สามารถบอกเส้นทางได้ ซึ่งเหมาะมากเลยหล่ะครับสำหรับผมที่ “หลงทาง” เป็นประจำเวลาออกทริปเดินทางไกลๆ ทั้งนี้ต้องมีการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์นะครับ แต่ถ้าให้ดีเติม GPS จาก BMW เข้าไปสักนิด สบายเลย
- ABS Pro ทำงานได้ละเอียดมาก อาการแทบจะเทียบเท่ากับ BMW R 1250 GS เลยหล่ะ ซึ่งนอกจากช่วยลดอาการล้อล็อคจนเสียอาการแล้ว ยังควบคุมอาการของล้อหลังไม่ให้ลอยบนการเบรคที่ความเร็วสูงอย่างรุนแรงอีกด้วย ล้อหลังจะยังคงเกาะติดอยู่กับถนนเลยหล่ะครับ แม้จะจงใจเบรคหน้าลดความเร็วอย่างรุนแรงก็ตาม
ข้อสังเกต
- ชิฟเตอร์ มีอาการกระชากเบาๆในรอบต่ำ-กลาง ความเร็วต่ำ ค่อนข้างรู้สึกได้ชัดเจนมาก ซึ่งตรงนี้มีส่วนมาจากการปรับตั้งโดยต้องการให้ใช้ชิฟเตอร์เพื่อความสนุก ในช่วงอัตราเร่งซะมากกว่า สำหรับผมใช้คลัชเลยครับที่ช่วงย่านเกียร์ 1-2-3 หลังจากนั้นค่อยใช้ ชิฟเตอร์เล่นต่อยาวๆ
- “1 สี 1 Package” ถ้าอยากเปลี่ยนสี ต้องสั่งแฟริ่งเพิ่มเอาเองนะครับ … อย่างเช่นผมชอบ F 900 R สีแดง แต่ชอบอุปกรณ์ของ สีน้ำเงิน …ก็ต้องซื้อ สีน้ำเงิน แล้วสั่งแฟริ่งสีแดงใส่แยกต่างหากเอาเอง แหม่.
- Dynamic EBC หรือการตัด Engine brake เมื่อมีการเบรคฉุกเฉินอย่างรุนแรง ตรงนี้อาจจะฝืนธรรมชาติของเพื่อนๆที่มีประสบการณ์การขับขี่มาสักระยะอยู่บ้าง แต่ต้องบอกว่าระบบเบรคบน BMW F 900 Series “ดีมาก” และเหลือเฟือกับการหยุดรถโดยไม่ต้องใช้ Engine Brake แล้วหล่ะครับ
สรุป
“F 900 R รถในแบบ Naked ที่นั่งสบาย” มิติรถที่กระชับ ท่านั่งในการขับขี่ที่กระทัดรัด วงเลี้ยวกำลังดี ให้การตอบสนองกับการใช้งานในสภาพการจราจร หรือในเมืองได้แบบไม่ต้องเป็นภาระอะไรกับผู้ขับขี่มากนัก
Package สำหรับ F 900 R ให้การใช้งานที่เหมาะสมตอบโจทย์ของผู้ขับขี่ได้อย่างดี แม้ว่าจะโดนบังคับด้วยสีของตัวรถก็ตาม
- สีดำ – เริ่มต้น ที่ราคาต่ำสุด แต่ตัดระบบ Dynamic ESA และอุปกรณ์อื่นๆออกไป
- สีน้ำเงิน – พร้อมสำหรับการเดินทางด้วยชุดยึดขากระเป๋า
- สีแดง – สำหรับเพื่อนๆที่ไม่ต้องการติดกระเป๋าข้าง และเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก
แม้ว่าถ้าดูตามสเปคแล้วน้ำหนักของรถจะค่อนข้างหนักที่ 211 kg แต่ต้องบอกว่าการวางน้ำหนักที่ทำมาดีมากของ F 900 R ทำให้การขับขี่ทำได้แบบไม่เป็นภาระอะไรเลยหล่ะครับ เลี้ยวง่าย พลิกรถเข้าโค้งต่างๆได้อย่างง่ายดาย ให้สเถียรภาพในการขับขี่ที่ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ
นอกจากนั้นระบบไฟฟ้าต่างๆที่ BMW บรรจงใส่เข้ามาในรถคันนี้นั้นต้องบอกว่า “ครบ” และใช้งานได้จริงในทุกระบบ ซึ่งจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนในสภาพเส้นทางลื่นๆ ที่ผมเจอวันนี้ทั้งวันเนี่ยแหล่ะครับ
F 900 R สำหรับผม ถ้าขับขี่อย่างมีสติแล้วหล่ะก็ จัดว่าเป็นรถที่ “ล้มยากมาก” ระบบไฟฟ้าต่างๆ เข้ามาช่วยผู้ขับขี่ได้เยอะมาก และให้ความปลอดภัยในการขับขี่เพิ่มขึ้นได้จริง ระบบเบรคที่เชื่อถือได้ ช่วงล่างที่เหนือกว่ารถในคลาสเดียวกัน …
“อย่าพึ่งเชื่อผมเลย ไปลองเองกันได้ที่ศูนย์บริการ BMW ใกล้บ้าน”
ขอบคุณ
Comments