“รอบนี้พี่ขี่ไปเลย 5+1 session session ละ 20 นาที” คือประโยคสั้นๆที่บอกเล่ามาตามสายที่ทำให้ผม ฮึบไปพักนึงเลยทีเดียว เพราะการขับขี่ในสนามบุรีรัมย์แห่งนี้กับเวลาที่ได้ขับขี่คราวนี้เรียกได้เลยว่า “จัดเต็ม” กับ BMW S 1000 RR 2023 คันนี้หล่ะครับ
BMW S 1000 RR นั้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2008 ที่จัดได้ว่าเป็น “ครั้งแรก” ของ BMW Motorrad ที่ปล่อยรถสปอร์ตออกมาเพื่อเตรียมเข้าสู่การแข่งจัน World Superbike ในปี 2009 ก่อนที่จะพัฒนาให้เป็นรถที่เข้าถึงได้ทั่วโลกในช่วงราวๆปี 2010
ซึ่งการปล่อยรถออกมาในช่วงปี 2010 นั้น จากความทรงจำลางๆของผม คงต้องบอกว่า สร้างแรงกระแทกให้กับเหล่ารถสปอร์ตในตลาดตอนนั้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยแรงม้าสูงสุดที่ 199 bhp พร้อมด้วย ABS และ Traction Control เป็นอุปกรณ์มาตรฐานให้กับทุกคัน ก่อนจะได้รับการพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ ซึ่งส่วนตัวผมเองนั้นมีโอกาสได้ขับขี่ตั้งแต่ รุ่นปี 2012, ก่อนที่จะมีการผลิตในไทยในช่วงรุ่นปี 2014 และรุ่นต่อๆมา เรื่อยๆมา
เรียกได้ว่า 10 ปีแล้วหล่ะครับ ที่ได้ขับขี่ BMW S 1000 RR มาเรื่อยๆในทุก generation ของตัวรถ ซึ่งทุกครั้งก็จะต้องพบกับความประหลาดใจอยู่ตลอด … เพราะในความรู้สึกส่วนตัวของผมเองนั้น BMW S 1000 RR คือรถสปอร์ตที่ลงตัวที่สุดคันนึง แต่พอปรับโฉมใหม่ กลับพัฒนาต่อขึ้นไปได้อีกราวกับว่าเป็นรถคนละคัน
ซึ่งทุกครั้งที่ได้ขับขี่ก็จะรู้สึกว่า “รุ่นต่อไปจะใส่อะไรมาได้อีกหล่ะครับ !!” จับปรับ เติม มาตลอดกันเลยทีเดียว … และคราวนี้ก็เข่นกัน
คลิปขี่ชมวิวสั้นๆ กับ BMW S 1000 RR บนสนามแห่งนี้ ~
เล่ากันได้เป็นวันเลยหล่ะกับการขับขี่ครั้งนี้ งั้นเอาสรุปกันเป็นหัวข้อแบบสั้นๆ กันเลยดีกว่า
- รายละเอียดทางเทคนิค – เสปคตัวรถที่น่าสนใจ
- ลงรายละเอียดจุดเด่นที่เติมเข้ามาสักนิด
- สัดส่วนคน และรถ
- การขับขี่บนสนามบุรีรัมย์แห่งนี้
- น่าจะเหมาะกับใคร
- สรุป
รายละเอียดทางเทคนิค – เสปคตัวรถที่น่าสนใจ
เครื่องยนต์ |
4 สูบ แถวเรียง วาล์วไทเทเนียม พร้อม BMW Shiftcam |
ความจุ |
999 cc |
ความเร็วสูงสุดตามสเปค |
303 km/hr |
แรงม้าสูงสุด |
210 HP @ 13750 rpm (เดิม 207 HP @ 13,000 rpm) |
แรงบิดสูงสุด |
113 Nm @ 11,000 rpm |
ขนาดลูกสูบ x ช่วงชัก |
80 x 49.7 mm |
กำลังอัดสูงสุด |
13.3:1 |
กันสะเทือน |
หน้ากับ Marzocchi 45mm แบบหัวกลับพร้อมปรับไฟฟ้า หลังกับ Marzocchi พร้อมปรับไฟฟ้าเช่นกัน |
เบรค |
หน้าจานคู่ 320 mm ความหนา 4.5 mm หลังจานเดี่ยว 220 mm |
เฟรม |
อลูมินัม ที่ใช้บางส่วนของเครื่องยนต์ช่วยกระจายแรง พร้อมสวิงอาร์มจาก WSBK |
ระยะฐานล้อ |
1457 mm (ตัวก่อนหน้า 1441 mm) |
น้ำหนักรถ |
แห้ง 175 kg เปียก 197 kg |
ความสูงเบาะ |
832 mm (ตัวก่อนหน้านี้ 824 mm) |
ซึ่งในรุ่นปี 2023 ยังคงมีการเติม และเพิ่มอีกเล็กน้อย เช่น
- เพิ่ม Riding Modes Pro อีก 1 ค่า เป็น Race Pro 1,2,3 ให้เลือกปรับตั้งค่าต่างๆเช่น การตอบสนองของเครื่องยนต์, แรงฉุดของเครื่องยนต์, Traction Control (DTC), Wheelie Control, ABS, การทำงานของช่วงล่างไฟฟ้า ( DDC – Dynamic Damping Control)
- ชุดเบาะคนซ้อน และฝาครอบให้เป็นมาตรฐานแล้ว !! เย่!
ส่วนอื่นๆนั้นเหมือนเดิมครับ … เยอะนะบอกเลย
- โหมดขับขี่มาตรฐาน 4 Mode (Rain, Road, Dynamic, Race)
- Launch Control ที่ช่วยคุมรอบเครื่องตอบออกตัว (ซึ่งตัวผมบอกตรงๆว่าลองมากี่ครั้งก็เสียวทุกที)
- Pitlane-limiter ล็อคความเร็วในพิท
- DTC – Dynamic Traction Control ช่วยคุมอาการปั่นทิ้งของล้อหลัง
- Brake-Slide Control เติมความมัน “ในสนาม” กับการคุมอาการปัดของล้อหลัง
- DDC – Dynamic Damping Control หรือที่เราเรียกๆกันว่า โช้คไฟฟ้า
- Race ABS และ ABS pro
- HSC – Hill Start Control ที่ผมชอบมากกับรถทุกคันที่ติดมา … เพราะช่วยให้ผมไม่ต้องสลับขาไปมาเพื่อกดเบรคหลังตอนออกตัวจากทางชันเนี่ยแหล่ะครับ
- Shift Assist Pro – Quick shift ที่เราคุ้นเคยทั้งขึ้น และลงเกียร์ พร้อม blipper แบบเนียนนุ่ม
- M GPS Lap Trigger – ก็จับเวลาต่อรอบอ่ะนะ พร้อมต่อ GPS โหลด Map จับเวลาอัตโนมัติได้อีก
ลงรายละเอียดจุดเด่นที่เติมเข้ามาสักนิด
เอากันแบบรวบรัดตัดตอน เพราะเยอะจริง !
- ชิวหน้าทรงสูงขึ้น “เย่” ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า มันควรจะเป็นแบบนี้แต่แรกไม่ต้องไปเปลี่ยนเองแล้ว
- องศาคอ มุมล้อ และระยะฐานล้อ ที่ปรับใหม่
- ปั๊มเบรคหน้าใหม่
- แบตเตอรรี่แบบ Li-ON น้ำหนักเบา
- ชุดป้ายทะเบียนที่ถอดได้ง่ายขึ้น “สำหรับการขับขี่ในสนาม”
- สวิงอาร์มที่ปรับระดับความสูงได้ (เล็กน้อย)
- และรายละเอียดเล็กน้อย กับหน้าจอที่จะค้างอยู่ที่จอเดิม ไม่ต้องคอยเปลี่ยนเองทุกครั้งที่ปิด-เปิดรถแล้ว
เติมอีกกับ Steering Angle Sensor ที่ซ่อนอยู่บริเวณใต้แผงคอรถ .. รวมร่างกับ Brake Slide Assist ที่ทำให้จากรถที่เป็นมิตรอยู่แล้ว คราวนี้กลายเป็นเพื่อนรักกันเลยทีเดียว เพราะ S 1000 RR คันนี้จะคอยรักษาอาการปัดของท้ายให้ “อย่างนุ่มนวล” มาก
พร้อมด้วย Shift Assist Pro ที่ปรับการตัดเครื่องยนต์จากคันเร่งไฟฟ้า ไปเป็น Torque Model อ้าวยากเลย … สรุปสั้นๆหล่ะกันว่า
เปลี่ยนเกียร์ทั้งขึ้น และลง โดยไม่ต้องใช้คลัช ส่วนคันเร่งนั้นจะเร่งอยู่ หรือจะปิดคันเร่งก็ได้
ซึ่งรถจะทำการคำนวนความเร็วที่เหมาะสมของแต่ละย่านเกียร์ และความเร่ง หรือฉุด ในขณะนั้น พร้อมเลือกเกียร์ให้อย่างเหมาะสม … สบายจนเสียวกันหล่ะเนี่ย
และที่เด่นสุดของ BMW S 1000 RR 2023 ในคราวนี้ คงจะต้องเป็น แฟริ่ง และ “ปีกอุโมงค์” อลังการเนี่ยแหล่ะครับ เพราะเติมแรงกดล้อหน้าให้เต็มเหนี่ยวในย่านความเร็วสูง
- 150 km/hr เติมไป 4.3 kg (+0.2 kg จากปี 2022)
- 200 km/hr เติมไป 7.6 kg (+0.4 kg จากปี 2022)
- 250 km/hr เติมไป 11.9 kg (+0.6 kg จากปี 2022)
- 300 km/hr เติมไป 17.1 kg (+0.8 kg จากปี 2022)
ถ้าบนท้องถนนไม่ต้องลองใช้ก็ได้นะครับ … แต่นะของบางอย่างมันต้องมีไว้โชว์ !
สัดส่วนคน และรถ
ระยะพื้นโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลงมา 10 กว่าปีของผมหล่ะกับส่วนสูงที่ 163 cm แต่น้ำหนักเติมมาเป็น 65 kg ซะอย่างนั้น กับ S 1000 RR 2023 นั้น ตอนแรกรู้สึกเหมือนจะสูงขึ้นนิดนึงแฮะ ไม่แน่ใจว่าเพราะทรงเบาะ หรืออะไร แต่เหมือนขาจะลอยมากขึ้นนิดหน่อย
พอมาไล่ดูสเปคหลังจากขับขี่จนเสร็จก็ … อื้ม สูงขึ้นนิดนึงจริงๆด้วย เบาะเป็น 832 mm จากเดิมที่ 824 mm แต่สำหรับผมก็ยังให้ความรู้สึกที่จม และเป็นก้อนเดียวกับตัวรถได้เหมือนเดิม (เรียกว่าหนึ่งเดียวน่าจะดีกว่าก้อนอ่ะนะ)
การขับขี่บนสนามบุรีรัมย์แห่งนี้
สรุปสั้นๆว่า “จะสนาม จะถนน จะแดดร้อน จะฝนตก จะเจอบัมพ์ถนน หรือทางเรียบสภาพไหน S 1000 RR คันนี้พร้อมดูแลเราเอง” จบ … อ้าว!
ทันทีที่ได้ขึ้นไปบน S 1000 RR คันนี้ ความรู้สึกที่คุ้นเคย เหมือนเป็นรถที่เคยขี่มานานก็กลับมาได้ทันที ตำแหน่งท่านั่งต่างๆ กระชับ และเข้ากับสรีระของผมได้ทันที โดยแทบไม่ต้องปรับตัวอะไร เริ่มต้น session แรก ก็เปิดกันเลยกับ โหมด Dynamic ที่ให้พลัง และเซตติ้ง ของตัวรถที่เหมาะสมกับสภาพทางเรียบ ก่อนที่จะกำคลัช ตบเกียร์ 1 ออกตัวไป แบบ เนียน นุ่ม…
รอบเครื่องยนต์ที่กวาด redline ได้จนถึง 14,600 rpm นั้น ให้ความรู้สึกถึงแรงบิดที่สั่งได้ดั่งใจตามรอบของเครื่องยนต์ ไม่มีอาการรอรอบ หรือดีดในย่านรอบสูงอะไร เข้าท่าหมอบเปิดคันเร่งพุ่งแบบคงที่ จนรู้สึกตัวอีกทีก็สุดทางตรงบุรีรัมย์ ก่อนที่จะต้องเบรค สิ เบรค เพื่อเข้าโค้ง 3
ทันทีที่ย่านรอบกวาดขึ้น หน้าจอแสดงผล และ shift light จะเริ่มกระพริบยิงเข้ามารัวๆ เพื่อเป็นสัญญาณบอกว่า เปลี่ยนเกียร์ขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวเราจะพาทะยานต่อหล่ะนะ ซึ่งสำหรับผมนั้น การเปลี่ยนเกียร์ในย่านประมาณ 12,000 – 13,000 rpm ให้ความรู้สึกที่ต่อเนื่อง และรถส่งกำลังทะยานออกไปได้อย่างเนียนๆมากกว่าการลากไปเกิน 13,000 rpm ซึ่งทำให้ความเร็วสุดทางตรงจาก 289 km/hr ขึ้นไปแตะที่ 295 km/hr ได้ .. “อุ๊ย”
เดินคันเร่งนำ คาไว้ที่ประมาณ 80 – 100% ตลอดในช่วงทางตรง ในท่าหมอบ พร้อมเตะเกียร์ขึ้น … “ล้อไม่มีลอยแม้แต่นิด” แถมช่วงหน้าไม่มีอาการลอยหรือส่ายอะไรเลย นิ่งสนิท ไม่มีลมวนตีเข้ามาโดนร่างกาย ซึ่งมาจากระบบไฟฟ้าที่ทำงานได้อย่างละเอียด เหมือน “รู้ว่ากำลังจะทำอะไร” แล้วปรับแต่งให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ … “ลงตัว”
ย่านความเร็วที่ 200 km/hr ขึ้นไป ปีกอุโมงค์อลังการจะเพิ่มแรงกดที่ล้อหน้าให้ตั้งแต่ 7.6 kg ไปจนถึง 17.1 kg นึกภาพว่าเอาดัมบ์เบลมาถ่วงไว้เลยก็ว่าได้ แต่ถ้าช่วงโค้ง 4 ความเร็วสูง ที่บางครั้งจะมีลมขวางให้เหมือนรถขืนๆได้นิดหน่อย คืออันนั้นมันก็ปกติกับรถทุกคันอะนะ !
เบรคสิเบรค โค้ง 12 โค้งรวมร่างสุดมันส์ของบุรีรัมย์สำหรับหลายๆคน แต่สุดเสียวสำหรับผมเนี่ยแหล่ะ
Shift Assist Pro ที่เปลี่ยนมาใช้ Torque Model ให้การต่อเกียร์ในแบบที่ “รถคิดให้” ตอนเพิ่มเกียร์เนี่ยไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนลงเกียร์เนี่ยแหล่ะที่ผมต้องปรับตัวนิดนึง …
การลงเกียร์ต่อเนื่องเพื่อเข้าโค้ง 3 บุรีรรัมย์ โดยปกติ ผมจะติดนิสัยลดเกียร์อย่างรวดเร็วจาก 6 ลงมาเหลือ 3 ซึ่ง Shift Assist Pro ของ S 1000 RR จะไม่ยอมให้ทำแบบนั้น จังหวะในการลดแต่ละเกียร์รถจะคุมจังหวะไว้ที่ประมาณเกือบๆ 1 วินาที … หรือเรียกง่ายๆว่า รวบเกียร์ทีเดียวไม่ได้นะนาย
แต่ถามว่า เรื่องใหญ่มั้ย … บอกเลยว่า “ไม่” … เพราะแรงกดที่ล้อหน้าจากปีก รวมร่างเข้ากับ เบรคหน้า-หลัง อันทรงพลัง และระบบที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวนั้น … กดเบรคให้เต็มเหนี่ยวแบบไม่ต้องลุ้นเลย ความเร็ว กว่า 290 km/hr พร้อมการกดเบรคที่ระยะเกือบ 250 m ก่อนโค้ง 3 เพื่อลดความเร็วให้เหลือประมาณ 90 km/hr ความรู้สึกผมจะเหมือนลุ้นๆ เหมือนรถจะลอยๆแต่ไม่ลอย แต่กลายเป็นเอาอยู่แบบสบายๆเลย … คือรถอ่ะรักษาอาการให้ ส่วนผมอ่ะใจหายไปแล้ว
หลังจากนั้นก็สบายเลยครับ เชื่อในระบบของรถ และขี่อย่างผ่อนคลายได้แล้ว
ABS Pro ที่คุมแรงเบรคให้ตามองศาการเอียงของรถยิ่งทำให้สามารถ Trail Brake (การคลายน้ำหนักเบรคในโค้งจนถึง apex) ได้ง่าย และเนียนนิ้วมืออันบอบบางของผมมาก !
ซึ่งสำหรับเพื่อนๆที่ทักษะการเบรคดีๆกว่าผม น่าจะสนุกเลยหล่ะครับ เรียกว่า องค์ประกอบของรถนั้น เอื้อให้กดน้ำหนักเบรคได้หนัก และคุมแรงเบรคในโค้งในจนสุด apex แบบ สบายใจ … ไม่ต้องลุ้นสู้อาการของรถ หรือต้องแม่นกับน้ำหนักเบรคในโค้งแบบสมัยก่อนๆแล้ว !!!
“แตะคันเร่งในโค้งเพื่อเปิดออก” คือจังหวะที่… “อื้มมมม ฟิน” คันเร่งไฟฟ้า กับระบบทุกอย่าง (เยอะอ่ะนะ) ทำงานร่วมกันอย่างลงตัว การแตะคันเร่ง “นุ่ม” หรือจะเปิดเกินไปนิดหน่อยก็ยัง “นุ่ม” เพราะ S 1000 RR จะทำการ “คิดให้” ว่าโหมดนี้ สภาพนี้ รถเอียงขนาดนี้ จะปล่อยพลังขนาดนี้ ..(แต่ไม่ใช่เปิดสุดนะ อาจจะทำได้ แต่ไม่ไหวๆ คนหมดใจก่อน !)
ในขณะที่รถเอียงจนสุดใจของผม การเดินคันเร่งออกทำได้สบายมาก ดันคันเร่งนำไว้นิดหน่อย พอจังหวะที่รถเริ่มตั้งตรงขึ้นเรื่อยๆ รอบเครื่องจะดึงมาเองเลยครับ เรียกว่าปล่อยพลังออกตามองศาของรถเอง จนกระทั่งรถเกือบตั้งตรงเมื่อไหร่ รู้เรื่อง … แรงบิด เร่ิมพาม้าออกมาทั้งฝูงพาทะยาน .. แต่กดคันเร่ง 100% ล้อก็ไม่ลอยนะ เค้าคำนวนให้แล้ว
คันเร่งของ BMW ยังคงเหมือนเดิม คือเบา ไม่มีอาการฝืด หรือต้านมือแบบคันเร่งสายอะไร ความรู้สึกมันจะคันเร่งลอยๆนิดนึง รอบแรกก็จะงงนิด พอชินก็ .. สบายแฮะ ไม่ต้องใช้แรงแขนบิดเยอะ กระดิกข้อมือนิดก็ไปแระ
ผ่านโค้ง 4 ความเร็วสูงไปแบบสบายๆด้วยความเร็วที่ apex ประมาณ 160 km/hr (MotoGP ประมาณ 180 km/hr นิดหน่อย) ก็จะมาถึงโค้ง 5 ที่ผมยังฝ่ากำแพงความเสียวของตัวเองไม่ได้ ต้องใช้เบรคหนักทุกที แต่ … พอใช้โหมด Race Pro พร้อม slip / slide control ที่ ⅓ …
เอ้ยๆ ทำไมล้อหลังมัน slip ก่อนเข้าโค้งเองแบบไม่ตั้งใจได้เฉยเลย !!! อาการของเบรคหลังที่เท้าขวามีให้รู้สึกเหมือน ABS ทำงานอยู่เบาๆ ตัวรถออกอาการท้ายขวางออกเล็กน้อย ซึ่งถ้าเป็นปกติหน่ะเหรอ ใจหาย ปลดเบรคแก้อาการ เอาตัวรอดไปแล้ว !!! แต่กับ S 1000 RR คราวนี้ มันไม่เสียวแฮะ ไม่มีอาการส่าย ไม่มีอาการเหมือนจะทะลุแล้ว อะไรเลย
กลายเป็นว่าจากปกติถ้ารถออกอาการแบบนี้ ผมจะเข้า Apex โค้งนี้ไม่ได้ และจะอ้อมๆ (เรียกว่าบานแหล่ะ) แต่คราวนี้ รถหันหัวพุ่งเข้าไปหา จนต้องขืนรถดึงขึ้นนิดนึง เพื่อไม่ไห้ปีน apex แหล่ะครับ …
“แต่ทำได้อยู่ 2 ครั้งนะ อารมณ์เหมือนกดสูตรติดแบบไม่ตั้งใจ … หลังจากนั้นก็พอแระๆ เบาๆ ไม่ใช่รถเราเดี๋ยวจะลั่น แล้วไม่ฮา ถึงจะรถเราก็ไม่อยากลั่นอยู่ดี”
ส่วน อาการ slide ออกโค้งนั้นบอกตรงๆว่าผมมือไม่ถึงแฮะครับ .. มีแต่ เผลอลั่นคันเร่งให้ท้ายแพร่ดไปนิดนึงที่โค้งสุดท้าย โค้งรวมร่างของสนามบุรีรัมย์แหล่ะ เล่นเอาใจหายแว่บ แต่รอด เฮ้ออออ พอแระ แม้ว่ารถจะช่วยจนสุดแค่ไหน แต่ถ้าคนลั่นเอง จะคันไหนก็แพร่ดได้ตลอดน้า
น่าจะเหมาะกับใคร
สั้นๆเลยว่า BMW S 1000 RR เหมาะกับทุกคน .. จบ ..
- จะมาจาก Touring อยากลอง Sport
- หรือ Sport อยู่แล้วจะอัพ cc
- หรือจะย้ายมาจากค่ายอื่น
ขอให้มีพื้นฐานการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่มาบ้าง เพราะแม้ว่าระบบความปลอดภัยที่ทำงานได้อย่างละเอียดลงตัวจะช่วยได้มากแค่ไหน สุดท้ายอยู่ที่คนเนี่ยแหล่ะ จะพาเค้าไปได้สุดจนความสามารถรถได้รึเปล่า
S 1000 RR เป็นรถที่เข้าถึงได้ง่าย ท่านั่งเป็นมิตร ระบบความปลอดภัยทำงานอย่างละเอียด และไม่ทำให้รู้สึกว่าต้องสู้ หรือบังคับรถ แต่เป็นการออกวิ่งไปด้วยกันซะมากกว่า ซึ่งรองรับกับทักษะที่แตกต่าง และหลากหลายของผู้ขับขี่ได้กว้างมากเลยทีเดียว
สรุป
ถ้าต้องการรถ Sport สักคัน ใช้งานได้ทั่วไทย (บนทางเรียบนะ) สภาพอากาศแบบไหนก็แล้วแต่ พอมี Track day ก็ลงมาขี่สนุก เสริมทักษะ เก็บรูปสวยๆ ไว้อวดเพื่อน พร้อมโลโก้ใบพัดฟ้า-ขาว แล้วหล่ะก็ BMW S 1000 RR น่าจะเป็นรถที่ตอบสนอง need นี้ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
ซึ่งในคราวนี้กับการขับขี่แบบต่อเนื่องไม่ได้หยุดของตัวรถ (1 คันขี่วนกัน 3 คน ต่อเนื่อง 3 ชั่วโมงก่อนพักเที่ยง) กับยางที่เริ่มหมดสภาพลงในช่วงบ่าย … แต่อาการของตัวรถก็ยังคงเชื่อถือได้ และผมเองยังรักษาเวลาในการขับขี่ต่อรอบได้ เกือบคงที่ตลอดทั้งวัน (ช้าลงประมาณ 1-2 วินาที ในช่วงรอบท้ายๆ)
อารมณ์แบบถ้าจะขี่ Sport จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ไปอุบล หรือไปไหนก็แล้วแต่ จะใกล้ๆ หรือจะเอาซัก 600-800 km หล่ะก็ถ้าเลือกได้ผมจะหยิบ S 1000 RR ไปก่อนเลย
แต่สุดท้ายนี้ ผมคงต้องบอกว่ารถในสมัยนี้ ไม่ได้มีเพียงความละเอียดของกลไกพื้นฐาน แต่เป็นการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวของ Mechanic + Electronics setting แล้วหล่ะครับ ซึ่งบอกเลยว่ากับ BMW S 1000 RR คันนี้ “ต้องเรียนรู้” การปรับตั้งค่าต่างๆของเค้าสักนิด เพราะการปรับตั้งที่ทำได้ทั้งกว้าง และละเอียดนั้น ทำให้เหมือนซื้อ 1 ได้รถ 3,4,5 คันเลยทีเดียว เรียกว่าตอบสนองได้ดั่งใจ .. แต่คนใช้อ่ะปรับเป็นรึยังก๊อน!
ขอบคุณ BMW Motorrad Thailand กับการเปิดประสบการณ์สุดมันส์ไปกับ 2023 BMW S 1000 RR อย่าง “เหงื่อตก” ขี่กันจนเบื่อบนสนามระดับโลก สนามบุรีรัมย์ฯ แห่งนี้
Comments