CBR150R 2021 สี Mat Gunpowder Black Metallic (มีทั้ง ABS / STD)

 

ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณทาง Honda ด้วยนะครับที่ให้เกียรติกับพวกเราให้ได้มาขับขี่ All New CBR150R แบบ “เดิมๆจากโรงงาน” แต่มาล็อคคันเร่งสุดกันบนสนามช้างแห่งนี้ ที่ต้องบอกว่า เข้าใจอารมณ์ของการแข่งขัน Honda Asia Talent หรือ Moto3 กันก็ตอนที่ได้ขับขี่ CBR150R คันนี้เนี่ยแหล่ะ !

CBR150 นั้นเป็นรุ่นของรถที่อยู่ในตลาดบ้านเรามานานเกือบ 20 ปีแล้วหล่ะครับ เริ่มกันตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเลย ด้วยความทนทาน บำรุงรักษาง่าย ดูแลง่าย ไม่มีอะไรจุกจิกซับซ้อน … เรียกได้ว่าซ่อมได้ทุกที่ อะไหล่มีเพียบ วิ่งกันทะลุหลายๆแสนกันแบบไม่มีปัญหาอะไรให้หนักใจเลยหล่ะครับ

ซึ่งก็ผ่านการพัฒนามาเรื่อยตั้งแต่รุ่นแรก มาจนเป็นหัวฉีดในปี 2010 ซึ่งก็ใช้รูปลักษณ์ของตัวรถที่ยืมๆกันมาเรื่อยๆจาก VFR1200 บ้างจาก CBR1000RR บ้าง เพื่อให้ได้อารมณ์ และความรู้สึกที่ต่อเนื่องกันในรถรุ่นต่างๆจาก Thai Honda ว่าหล่ะก็มากันเลยดีกว่ากับ CBR150R ปี 2021 นี้ว่ามีอะไรใหม่ อะไรที่น่าสนใจกันบ้าง

ดูแบบคลิปขี่กันสดๆ ที่นี่เลย

รูปลักษณ์ทั่วไป

รายละเอียดทางเทคนิค – สเปคของตัวรถที่น่าสนใจ

สัดส่วนคน และรถ

ได้เวลาออกไปขี่กันแล้ว

ข้อดี / ข้อสังเกต

สรุป

รูปลักษณ์ทั่วไป

CBR150R Tri-Color Red (มีเฉพาะรุ่น ABS)

พร้อมทะยาน กับรูปลักณ์ใหม่ ที่อารมณ์ของความเป็น sport มากขึ้นไปอีก ด้วยการออกแบบแฟริ่งด้านข้างให้ล้อตามกับรุ่นใหญ่อย่าง CBR1000RR-R เสริมด้วยองศาของเบาะที่ปาดลงให้ลาดไปด้านหน้า ซึ่งได้ทั้งรูปลักษณ์ และเพื่อให้ตัวรถมีตำแหน่งเบาะที่ต่ำลง ดึงให้น้ำหนักของผู้ขับขี่ และรถเป็นหนึ่งเดียวกันได้มากขึ้น

ซึ่ง CBR150R นั้นจะมาด้วยกัน 2 model คือ STD (ไม่มี ABS) และ ABS โดยจะมากับสีหลากหลายเลยทีเดียว

• STD – Mat Axis Grey Metallic (เทาเขียว), Millenium Red (แดงล้วน), Mat Gunpowder Black Metallic (ดำด้าน คาดแดง)
• ABS – Tri-Color Red ในตำนาน , Mat Gunpowder Black Metallic (ดำด้าน คาดแดง)

แฮนด์จับโช้ค ที่ให้ความเป็น Sport แบบเต็มที่ แต่ทีเด็ดคือตัวองศาของแฮนด์ที่ยังให้ความสบาย และเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไปด้วยท่านั่งที่เป็นมิตรเนี่ยแหล่ะครับ

โช้คหน้าอัพเกรดมากับ Showa SFF-BP ขนาด 37 mm ที่ซับแรงได้ดีขึ้นกว่าก่อนหน้ากว่า 3.5 เท่า (จากข้อมูลในสเปคชีทนะครับ) ซึ่งก็ต้องบอกว่าบนสนามทางเรียบแบบนี้ รูดบนขอบสนามได้แบบชิวมาก ไม่มีอาการส่าย หรือหน้าสับอะไรให้เสียวเลยหล่ะ

ชุดไฟหน้ามาแบบแปลกตา ด้วยการวางต่ำแหน่งไฟแบบสองชั้น ให้ความโดดเด่นในแบบของตัวเอง พร้อมด้วย Dashboard ที่มีสีสันมากขึ้น แสดงข้อมูลในการขับขี่ต่างๆอย่างครบครัน

รายละเอียดทางเทคนิค – สเปคของตัวรถที่น่าสนใจ 

อารมณ์ Honda Asia Talent Cup มาเต็ม ขี่ต่อแถวเรียงขบวนกันเลย นำโดยเจ้าดรีม สิทธิศักดิ์ อ่อนเฉวียง นักแข่งรุ่น SS1 600 cc ของ Thai Honda

สเปคเน้นๆ เอาที่น่าสนใจกันเลยดีกว่า

ในส่วนของเครื่องยนต์ยังมีการปรับให้มีท่อไอดีเป็นวงกลม และยาวขึ้น 60% ซึ่งทำให้ได้การตอบสนองที่รอบต่ำ-กลาง บวกเข้ากับการออกแบบปลายท่อไอเสียใหม่ ทำให้มีแรงบิดในย่านใช้งานดีขึ้น 5% เลยหล่ะครับ ซึ่งถือว่าเยอะมากเลยนะ กับรถในพิกัด 150cc แบบนี้

สัดส่วนคน และรถ

กับสัดส่วนผมที่ 163 cm น้ำหนัก 60kg ลงกลางเท้าสองข้างได้สบายๆเลยหล่ะครับ กับตำแหน่งเบาะที่ปาดลงด้านหน้าเล็กน้อย พร้อมด้วยตำแหน่งเบาะที่ค่อนข้างต่ำ เข้าถึงได้ง่าย น้ำหนักรถเพียง 127 kg สบายมากบอกเลย

 

ได้เวลาออกไปขี่กันแล้ว

150cc บนสนามบุรีรัมย์ป่ะหล่ะ Honda Asia Talent ชัดๆ

 

แทบจะเต็มคันเร่งแช่กันเกียร์ 6 ยาวๆ เลยทีเดียวกับการขับขี่ CBR150R บนสนามบุรีรัมย์แห่งนี้ ที่ต้องบอกว่า “สนุก” เลย 

การจัดการลมของชุดแฟริ่งที่ออกแบบมาใหม่ทำได้ดีเลยหล่ะครับ หมอบสุดได้ง่าย ถอยก้นได้ง่าย พร้อมด้วยช่วงเว้าที่บริเวณถังน้ำมันที่หลบสรีระของหมวกกันน็อคได้อย่างลงตัว ชุดบังลมหน้าขนาดเล็กๆ สั้นๆ แต่องศาของบังลมนั้น ช่วยรีดลมออกไปจากหมวกได้อย่างหมดจด 

ความเร็วสูงสุดที่ผมทำได้บนช่วงทางตรงอยู่ที่ 133 km/hr และช่วงลงเนินเข้าโค้ง 4 แบบเต็มคันเร่งไหลขึ้นไปได้ถึง 139 km/hr  (ตาม GPS สนามอยู่ที่ 122.6 km/hr) 

ซึ่งทำได้โอเคแล้วหล่ะครับสำหรับรถในพิกัดขนาดนี้ การปรับเครื่องยนต์มาเล็กน้อยในส่วนของท่อไอดีที่ยาวขึ้น 60% ไม่ได้ช่วยอะไรในเรื่องของความเร็วสูงสุด แต่ไปปรับให้ช่วงย่านรอบกลาง (ที่ประมาณ 6000 rpm) ได้แรงบิดที่จัดจ้านขึ้นเล็กน้อย ซึ่งต้องบอกว่า “เพื่อการใช้งานบนท้องถนน มากกว่าการรีดความเร็วสูงสุดหล่ะครับ”

ช่วงล่างใหม่ของ CBR150R นั้นทำได้อย่างน่าประทับใจเลยหล่ะครับ ด้วยการตอบสนองที่นุ่มนวล และให้การตามติดของช่วงล่างกับพื้นสนามได้อย่างดีมาก ช่วงรูดขึ้นบนขอบสนามทำได้แบบไม่มีอาการสะบัด หรือแกว่งอะไรเลย ช่วยซับแรงที่จะส่งมาถึงร่างกายของผมได้อย่างดีมากเลยทีเดียว

เบรคเดิมเพียงพอ เพิ่มเติมด้วย ABS ที่ทำให้การเบรคอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะล้อหน้า หรือหลัง ยังคงอาการของตัวรถที่ควบคุมได้ แม้ว่า ABS จะทำงานห่างไปสักนิดนึง แต่ถือว่าดีแล้วสำหรับรถเริ่มต้นในพิกัด 150 cc แบบนี้หล่ะครับ

คลัทช์แบบ Assist Slip หรือ Slipper บน CBR150R ที่ใส่มาซึ่งยอมให้ลื่นได้เล็กน้อย กับการรวบเกียร์แบบรวดเดียวจาก 6 มา 2 บนความเร็วย่าน 120 km/hr นั้น … สบายเลย มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดของยางบ้างเล็กน้อย แต่ตัวรถไม่เสียอาการอะไรหล่ะครับ

ข้อดี / ข้อสังเกต

ข้อดี

• เบรคดี เหลือเฟือ ระยะหยุดสบายมาก เสริมด้วย ABS ที่เพิ่มความปลอดภัยได้อีกขั้น
• ช่วงรอบกลางๆ ตอบสนองได้ดีขึ้น ขับขี่ได้คล่องตัวขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า
• แฟริ่งที่ออกแบบมาดีขึ้น รีดลมได้อย่างสมบูรณ์แบบในท่าหมอบทางตรง
• เข้าถึงได้ง่าย ขับขี่ได้ง่าย เหมาะสำหรับจะใช้ฝึกซ้อม หัด เพื่อเตรียมพื้นฐาน หรือจะใช้งานชีวิตประจำวันก็ทำได้อย่างลงตัวเลยหล่ะครับ
• อาการสะท้านของเครื่องยนต์ย่านรอบสูงน้อยลงกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัดมาก รอบไหลขึ้นแบบนุ่มๆมือเลยหล่ะครับ
• ช่วงล่างที่ปรับตั้งได้ระดับนึงให้การตอบสนองกับการใช้งานน่าจะดีเลยทีเดียว

ข้อสังเกต

• สวิทช์ off-run ไม่มีอ่ะ … สำหรับผมเองที่ถนัดการดับเครื่องผ่านสวิทช์ off-run จะขัดใจเล็กน้อย เวลาที่ต้องการดับเครื่องคาเกียร์แบบเร็วๆ
• ยางเดิมทางแห้ง ถ้าร้อนได้ที่แหล่ม แต่ถ้าฝนตกก็เบาๆหน่อยนะครับผม

สรุป

92,900 บาท สำหรับรุ่น STD และ 99,900 สำหรับรุ่น ABS 

 

ด้วยราคาที่ต่ำกว่าแสน กับความสามารถของตัวรถที่ทำออกมาได้สำหรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างลงตัวแบบนี้ “คุ้ม” อีกแล้วกับรถจาก Honda ในพิกัด 150 cc

ซึ่งจริงๆแล้วผมเองเคยใช้ CBR150i สมัยนู้นเลยหล่ะครับอยู่พักนึง สำหรับการใช้งานทั่วไปในเมือง และกับเจ้า New CBR150R คันนี้ต้องบอกว่า “แตกต่าง” กันเยอะเลยทีเดียว

ช่วงล่างที่อัพเกรดเป็นของ Showa แบบ SFF-BP ให้การตอบสนองที่ซับแรงกระแทกได้ดีมากขึ้นกว่า 3.5 เท่า​ (ข้อมูลจากโรงงาน) ซึ่งในการขับขี่บนสนามแบบนี้ผมรูดขึ้นไปบนขอบต่างๆ ก็ต้องบอกว่า “นิ่งสนิท” อาการที่ส่งมาถึงผมแทบไม่มีเลยหล่ะครับ ผ่านไปได้แบบเนียนๆ สบายๆเลยทีเดียว

กับการรับท่อไอดีให้ยาวขึ้น 60% ที่ทำให้รอบเครื่องยนต์ในช่วงกลาง ย่านการใช้งานมาแบบติดมือมากขึ้น ให้อัตราเร่งในการใช้งานจริงที่ฉับไว และคล่องตัวกับการขับขี่ได้มากขึ้น รวมเข้ากับทรวดทรงของตัวรถที่เพรียวบาง ที่ต้องบอกเลยว่า หากใครต้องการรถที่มีรูปทรงในแบบสปอร์ต แต่ใช้งานได้ง่าย ดูแลรักษาต่ำมาก แล้วหล่ะก็ CBR150R ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในพิกัดนี้จริงๆ