Triumph สร้างสรรค์จากแรงบันดาลใจของตำนาน Ton-up Boys ในยุค 1950 และ 1960 กับ Café Racers ที่ Malcolm Uphill เร่งทะลุ 100 mile/hr (160 km/hr) ได้ในการแข่งขันรายการสุดบีบหัวใจ Isle of Man TT ปี 1969 Triumph จึงออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับความหลงใหลและสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ของ Thruxton RS Ton Up Edition ที่จะมีกำหนดวางจำหน่ายเพียงหนึ่งปีเท่านั้น
Ton-up Edition กับการเสริมเติมแต่งด้วย
- ตัวถังรถสี Aegean Blue สุดคลาสสิก บริเวณแผ่นรองเข่าสี Jet Black และเส้นตัดขอบสีเงินวาดด้วยมือ
- ครอบเบาะสี Fusion White ตัดกับสี Carnival Red พร้อมเส้นตัดขอบสีดำวาดด้วยมือ และลายกราฟิก “100 Special Edition” ใหม่
- บังโคลนหน้าสี Fusion White พร้อมลายกราฟิก “100” สี Carnival Red แบบใหม่
- แผงข้างสี Jet Black พร้อมโลโก้ Thruxton RS Ton Up แบบใหม่ รวมไปถึงโคมไฟหน้าและบังโคลนหลังสี Jet Black
- อุปกรณ์เสริมค็อกพิทแฟริ่งสี Aegean Blue ที่เข้าชุดกัน เพื่อเสริมให้ ตัน อัพ อิดิชัน (Ton Up Edition) สมบูรณ์แบบ
- รายละเอียดคัสตอมระดับพรีเมียม เช่น การ์ดโช้คสี Matt Aluminium Silver เสริมด้วยขอบล้อฝาครอบเครื่องยนต์ และสปริงของระบบกันสะเทือนหลัง สีดำสนิท
เครื่องยนต์ High Power สมรรถนะโดดเด่นเหนือกาลเวลา
- เครื่องยนต์บอนเนวิลล์สูบคู่ 1200ซีซี ที่ตอบสนองรวดเร็วและมีเอกลักษณ์
- กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร ที่ 4,250 รอบต่อนาที
- ท่อเก็บเสียงคู่ปัดเงาที่โดดเด่น ที่ให้เสียงอันน่าทึ่งตามแบบฉบับทรักซ์ตัน (Thruxton)
พร้อมอุปกรณ์พื้นฐานเพื่อการควบคุมอย่างลงตัว
- ดิสก์เบรกคู่หน้าแบบลอยตัวจาก Brembo ขนาด 310 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์แบบเรเดียลโมโนบล็อก Brembo M50
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบกระปุกน้ำมันแยกของ Öhlins ที่ปรับได้
- โช้คหัวกลับระดับพรีเมียมแบบ Big Piston สเปคสูงของ Showa ขนาด 43 มิลลิเมตร ที่สามารถปรับได้อย่างเต็มที่
- ยาง Metzeler Racetec RR ประสิทธิภาพสูง
- ความสูงเบาะนั่งต่ำเพียง 810 มิลลิเมตร ได้รับการปรับให้เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์
ผสานด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อความปลอดภัยในทุกการขับขี่
- ระบบเบรก ABS และระบบควบคุมการยึดเกาะถนนแบบเปิด-ปิดได้
- โหมดการขับขี่ 3โหมด: ถนน (Road) ฝนตก (Rain) สปอร์ต (Sport)
- ระบบไฟ LED Daytime ที่ติดตั้งในไฟหน้า
- ระบบคลัตช์ช่วยผ่อนแรง คันเร่งไฟฟ้า ระบบ Immobiliser ที่ฝังไว้ในกุญแจรถและช่องชาร์จไฟผ่านพอร์ท USB ใต้เบาะนั่ง
Review : Triumph Thruxton R กับการกลับมาของ Cafe Racer สู่ท้องถนนในบ้านเรา
Comments