[TMS2017] เจาะลึก Yamaha MOTOBOT V2 ภาคต่อของหุ่นยนต์นักบิด กับการขยับอีกก้าวเพื่อแทนที่มนุษย์

โดย /

ภายในงาน Tokyo Motor Show 2017 ณ Tokyo Big Sight กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นอกจากจะเป็นงานสำหรับแสดงมหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ระดับโลกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกค่ายให้ความสนใจคือการขนนวัตกรรมต้นแบบที่มีอยู่ในมือออกมาโชว์กัน เพื่อเป็นการอัพเดตให้วงการรู้ว่าโลกแห่งการขับขี่กำลังจะก้าวไปในทิศทางใด ซึ่งสิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้ดีที่สุดก็ต้องยกให้ MOTOBOT V2 ภาคต่อของหุ่นยนต์นักบิดจากบูธของ Yamaha เพราะว่ามันกำลังจะเป็นจริงในอีกไม่ช้านี้แล้ว


ภาพจากงานในปี 2015

MOTOBOT เวอร์ชั่นแรกของ Yamaha มีการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 2 ปีก่อนภายในงาน Tokyo Motor Show 2015 ด้วยคอนเซปต์การออกแบบเทคโนโลยีที่จะเข้ามาช่วยทดสอบรถจักรยานยนต์ในสภาพใช้งานจริงแทนมนุษย์ ซึ่งแน่นอนว่าจะให้ประโยชน์ได้ทั้งด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพมากกว่าจะให้มนุษย์เป็นผู้ทดสอบด้วยตัวเอง และหุ่นยนต์ตัวนี้ก็มีมิชชั่นสำคัญจากบิดาค่ายสามแฉกคือการโค่นล้ม Valentino Rossi สิงห์สนามแชมป์ MotoGP 9 สมัย ที่ปัจจุบันสังกัดอยู่ทีม Movistar Yamaha MotoGP ให้จงได้

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น MOTOBOT ก็ต้องผ่านบททดสอบรายทางต่างๆที่ Yamaha วางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นภายในปี 2015 หุ่นยนต์ตัวนี้จะต้องขับมอเตอร์ไซค์วิ่งในทางตรงให้ได้ในความเร็ว 100 กม./ชม. รวมทั้งสามารถวิ่งสลาลมและเข้าโค้งได้ จากนั้นในปี 2017 หรือในปีนี้จะต้องนำมาลงแข่งในสนามจริงได้ต้องทำความเร็วให้ถึง 200 กม./ชม โดยที่มีการจัดการทดสอบการแข่งขัน Laptime กับจอมเก๋า VR46 ด้วย ซึ่งผลจากคลิปจะเห็นว่าตัวหุ่นทำเวลาไป 117.054 วินาที แต่ยังช้ากว่าพ่อหมอที่ทำได้ 85.740 วินาที

 

ถ้าผ่านมิชชั่นนี้ไปได้ในปี 2020 ทาง Yamaha ก็จะนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีพื้นฐานที่ได้จากโครงการ MOTOBOT ไปต่อยอดให้เกิดการใช้งานได้จริง ซึ่งหุ่นยนต์ตัวนี้สามารถให้ข้อมูลเชิงเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและความรู้ต่างๆ ที่มากมายจนเพียงพอที่จะนำไปต่อยอดทางธุรกิจ หรือสร้างธุรกิจใหม่ๆได้เลยทีเดียว

ตัว MOTOBOT เป็นหุ่นที่มีรูปแบบการควบคุมที่เป็นอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ ด้วยกลไกข้อต่อ 6 จุด สำหรับการบังคับ พวงมาลัย, คันเร่ง, เบรคหน้า, เบรคหลัง, ครัช และเกียร์ โดยที่ทุกส่วนจะทำงานสัมผัสกันอย่างเป็นธรรมชาติ ผ่านการประมวลผลโดยใช้การตรวจจับข้อมูลต่างๆจากตัวรถ ด้วยเซ็นเซอร์และ GPS ที่มีความแม่นยำสูง

นอกจากนี้ยังมีติดตั้งระบบ AI เรียนรู้รูปแบบของแทร็ค ซึ่งทำให้หุ่นยนต์สามารถตัดสินใจเลือกไลน์การวิ่งที่ดีที่สุดได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถดึงศักยภาพของรถได้เต็มขีดความสามารถ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในด้านของข้อมูลที่จะนำมาพัฒนารถเพื่อใช้กับคน

สำหรับรถที่หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้เป็น Yamaha R1M ขณะที่ลักษณะการขับขี่ของหุ่นจะเป็นธรรมชาติคล้ายกับคนจริงๆ และที่สำคัญคือไม่ต้องมีการดัดแปลงตัวรถเพื่อให้ใช้งานกับหุ่นตัวนี้ได้ หรือเรียกง่ายๆว่าแค่ยกขึ้นคร่อมก็พร้อมบิดได้เลย ซึ่งทางผู้ผลิตก็หวังที่จะยกระดับ MOTOBOT ให้สามารถขับขี่ยานพาหนะชนิดอื่นๆได้นอกเหนือจากตัวมอเตอร์ไซค์ อาทิเช่น ยานพาหนะส่วนบุคคล หรือรถสโนว์โมบิล

จากเส้นทางที่ผ่านมาจะเห็นว่าตัว MOTOBOT ตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกจนถึงปัจจุบันได้มีการพัฒนามาไกลมากๆ จนแทบจะเป็นไปได้ว่าเราอาจจะได้เห็นการต่อยอดหุ่นยนต์ตัวนี้จากสนามทดลองมาสู่การใช้งานจริง ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหนเชื่อว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า หรือภายในงาน Tokyo Motor Show ครั้งที่ 46 ทาง Yamaha จะมีคำตอบมาให้ทุกคน

Comments