Review : BMW R1200 GSA แล้วมาเจอกันที่ปลายทางบนเส้นขอบฟ้า พร้อมเทียบ GS/GSA

โดย /

GSA_Cover

BMW R 1200 GSA ยักษ์ Adventure Touring ที่เป็นเจ้าสำนักในคลาสของตัวเอง

หลังจากที่เคยได้มีโอกาสขับขี่ BMW R 1200 GS ไปแล้วก่อนหน้านี้ คราวนี้เรากลับมากับความใหญ่ อลังการ ที่มากขึ้น ไปกับ BMW R 1200 GS Adventure (GSA) ซึ่งในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง BKK Motorcycle เช่นเคยที่ให้โอกาสผมได้ขับขี่รถคันนึงที่ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของรถในแนว Adventure Touring อันจะเรียกว่าเป็นเจ้าสำนักเลยก็ว่าได้

กับเส้นทางการเดินทางเพื่อไปสัมผัสกับเส้นขอบฟ้าที่ตัดกับขุนเขาใน อ. เขาค้อ จ.​เพชรบูรณ์ กับเส้นทางสวยๆที่เติมให้เต็มวงบนทางหลวงหมายเลข 12 กับระยะทางรวมประมาณ 1,000 km ดังนี้เลยครับ

Screen Shot 2016-01-09 at 7.21.18 PM

วันแรก

  • เดินทางจาก กรุงเทพ ไปยัง สระบุรี โดยใช้เส้นทางสาย 21
  • เข้าสู่จังหวัดเพชรบูรณ์ เดินทางไปยังทางหลวงหมายเลข 12
  • ขับขี่ชมวิวอย่างเป็นสุขกับวิวสวยๆของเส้นทาง 12 ที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ ก่อนจะแยกเข้าที่พัก

วันที่สอง

  • ออกจากที่พักเข้าทางหลวงหมายเลข 12 ไปยังพิษณุโลก
  • เดินทางมุ่งหน้ากลับกทม. ผ่านจังหวัดนครสวรรค์
  • แยกหนีขบวนการจราจรเข้าทางจังหวัดสุพรรณบุรี
  • ถึงกรุงเทพอย่างเป็นสุข

นอกจากนั้นยังได้ทำการขับขี่ BMW R 1200 GSA ที่เค้าว่ายักษ์ ใหญ่ เทอะทะ ในเมืองเส้นสุขุมวิท สาธร นราธิวาส พระราม 3 และทั่วไป เอาให้รู้กันไปเลยว่าจะไปได้มั้ย !!! (สรุปคล่องแคล่ว แต่อย่าแคบไม่งั้นจอด ฮะ) ฝ่าการจราจรทั้งติดขัดในช่วงปีใหม่ ผ่านอากาศร้อนอ้าวๆ ของรถติดๆ ไปจนถึงอากาศเย็นจัด ลมแรง ขึ้นทางลูกรัง เนินชัน ให้ครบทุกสภาพ ทุกการเดินทางที่จะหาได้เช่นทุกคราไปกับ BMW R 1200 GSA คันนี้ ขี่ยาวๆกับระยะ 350 กม. กับถังน้ำมันขนาด 30 ลิตร โดยไม่จอดพัก เอาให้รู้กันว่าใครจะไหวกว่ากัน !! (สรุปยอมฮะ 4 ชม.หล่ะขอนั่งดื่มน้ำแป๊ป)

โดยหัวข้อในการรีวิวครั้งนี้ขอแบ่งเป็นตามนี้เลยครับ ต้องเรียกว่าแทบจะเหมือนกับ BMW R 1200 GS เลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไร เรามาจัดให้เต็มๆ เช่นเคย โดยตรงไหนที่มีการเปรียบเทียบกันจะแยกให้เห็นๆกันจะๆ ไปเลยครับ

  1. รูปลักษณ์ทั่วไป
  2. รายละเอียดทางเทคนิค – เสปคตัวรถที่น่าสนใจ
  3. รายละเอียดทางเทคนิค – มาย่อยเรื่องโหมดการขับขี่กัน
  4. สัดส่วนคน และรถ
  5. การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ
  6. อัตราสิ้นเปลือง
  7. ข้อดี/ข้อเสียต่างๆ
  8. น่าจะเหมาะกับ
  9. สรุป
  10. GS / GSA ?

ขออนุญาต เรียกสั้นๆเพื่อความกระชับ และชัดเจนนะครับตามนี้เลย

  • BMW R 1200 GSA – GSA มาจาก GS Adventure
  • BMW R 1200 GS LC – GS LC มาจาก GS Liquid Cool
  • GS – Gelande Sport / Off-Road Sport / Enduro
  • ทั้งนี้ทั้งคู่ระบายความร้อนด้วยของเหลวนะครับ แต่ย่อเพื่อให้ชัดเจนขึ้น

R1200 GSA รหัสรุ่น BMW มีความหมายอย่างไร? R คืออะไร 1200 นี่ซีซีใช่มั้ย แล้ว GSA หล่ะ ตามมาที่นี่เลยครับ

แล้ว R 1200 GS LC หล่ะ เป็นยังไงบ้างที่นี่เลยครับ รีวิวที่นี่เลยครับ

รูปลักษณ์ทั่วไป

มาลองดูในแบบคลิปกันบ้างนะครับคราวนี้

OAK_3431

 

GSA_MTN

รูปซ้าย มากับประกับไฟซ้ายที่มากับออฟชั่นจัดเต็มตามนี้เลย

  • สวิทช์ไฟ pass (ดึงเข้า) หรือเปิดไฟสูง (ผลักออก)
  • สวิทช์ควบคุม Cruise Control ที่ใช้งานง่ายมาก
  • สวิทช์ปิด เปิด ระบบไฟหน้าอัตโนมัติ
  • ไฟ hazard หรือไฟผ่าหมากที่เราเรียกติดปาก
  • สวิทช์คุมการทำงานของ ABS / ASC
  • สวิทช์ปรับระบบ Dynamic ESA (หรือโช็คไฟฟ้านั่นเอง)
  • สัญญาณไฟเลี้ยว
  • แตร
  • และประกับควบคุม GPS !!! (ต้องใช้ของ BMW เท่านั้นนะครับ – Garmin ทำให้นะนั่น) โดยประกับตัวนี้สามารถ หมุนขึ้น-ลง โยกซ้าย-ขวา และกดได้อีกนั่น

รูปขวา กับช่องเก็บของขนาดเล็กด้านหน้า สำหรับบางประเทศอาจจะไว้ใส่กุญแจแบบ Keyless หรือจะใส่เศษเหรียญก็แล้วแต่ประยุกต์ใช้ครับ (ส่วนผมเอาไว้ใส่ ทิชชู่เปียก ไว้เช็ดหน้าบ้าง เช็ด … บ้าง ^^)

ส่วนในด้านประกับไฟทางด้านขวา ง่ายๆครับ

  • สวิทช์ควบคุม Heat grip 2 ระดับ
  • สวิทช์เลือก Mode การขับขี่
  • Off-Run / Start

GSA_MTN1

ซ้าย-พับตัวเสริมคันเบรคเท้าลงสำหรับท่ายืนขี่ , ขวา-ยกขึ้นสำหรับการใช้งานนั่งขี่ทั่วไป

กับ BMW R 1200 GSA มาพร้อมพักเท้าแบบ Enduro ที่มีขนาดกว้าง แล้วให้ความสบายในการขี่รถทั้งท่านั่ง และท่ายืนได้มากเลยทีเดียว ที่สำคัญ เกาะแน่นดีนักแลไม่ว่าจะใช้งานในสภาพอากาศ สภาพเส้นทางแบบไหนก็ตาม รวมไปถึงตัวเสริมคันเบรคเท้าที่สามารถพับลงมาได้เพื่อเสริมความสูงของแป้นเบรคเท้า ให้ผู้ขับขี่สามารถใช้เบรคหลังได้อย่างง่ายดายมากขึ้นบนท่ายืนขับขี่

IMG_1022

แร็คกระเป๋าที่ติดมากับรถเลย พร้อมด้วยสลักยึดเพื่อใช้กับ Aluminium Side case หรือที่เราคุ้นเคยกันว่า “ปี๊ป!!!” จากทาง BMW โดยในรุ่น R 1200 GSA จะมีชุดแร็คมาให้เลยนะครับ ทั้งนี้ ทาง BMW แจ้งว่า สลักล็อคของปี๊ปนั่น หากมีกระแทกเข้ามาด้านหน้าตรงๆ จะฉีกออก และยอมสละกระเป๋าทิ้งดีกว่ารถล้ม (นึกอารมณ์จิ้งจกสลัดหางขึ้นมาทันทีเลยทีเดียวเชียว แหม่)

 

รายละเอียดทางเทคนิค กับเสปคของตัวรถที่น่าสนใจ (GSA/GS)

OAK_3241

gsa_spec1 gsa_spec2

นอกจากนั้นรายละเอียดทางเทคนิคของระบบไฟฟ้าไม่แตกต่างกับ R 1200 GS LCเลยครับแต่ไม่เป็นไรจัดมาอีกรอบ

IMG_1029

gsaMode

รายละเอียดทางเทคนิค – มาย่อยเรื่องโหมดการขับขี่กัน

IMG_1028

ปุ่ม Mode ชัดเจนที่ด้านขวา การวางไว้ด้านนี้แอบบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องปิดคันเร่งก่อนเปลี่ยนไปด้วย

ถึงกับต้องแยกออกมาเป็นหัวข้อนึงกันเลยทีเดียวในเรื่องโหมดการขับขี่สำหรับ R1200 GSA ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นรถคันนึงที่มีการตอบสนองต่อผู้ขับขี่ได้มากมายเลยทีเดียว ยังไงหน่ะเหรอครับ มาๆ มาแยกกันง่ายๆเลย

  • 4 โหมด การขับขี่ + 1 โหมดลับ สายป่า
  • ช่วงล่างปรับตั้งได้ 3 ระดับ Soft / Normal / Hard
  • ปรับตั้งให้เหมาะสมกับน้ำหนักบรรทุก อีก 3 ระดับ (ผู้ขับขี่ / ผู้ขับขี่ และสัมภาระ / ผู้ขับขี่ และคนซ้อน -รวมสัมภาระแล้ว)

เอาแค่นี้ คูณเลขขำๆ ก็เท่ากับว่าปรับโหมดได้ 4 โหมด ปรับการคืนตัวของช่วงล่างอีก 3 ปรับน้ำหนักบรรทุกอีก 3 = 36 ส่วนผสมของการปรับตั้งที่ทำได้เลยทีเดียว …. แต่แท้จริงแล้ว อธิบายง่ายๆกันด้วยตารางเลยดีกว่า คือมันเยอะกว่านั้นอีก

ที่สำคัญ โหมดทั้ง 4+1 โหมดนั้น จะทำการปรับ แรงบิดของเครื่องยนต์ การตอบสนองของคันเร่ง ความละเอียดในการทำงานของ ABS ASC และ Dynamic ESA ที่เหมาะสมตามโหมดต่างๆให้เองอีกด้วย

gsaMode

ตารางข้างบนนี่แบบว่า เบสิคๆ …​ ห่ะ … !!!

เพราะนอกจากการปรับตั้งที่เข้าถึงได้ขณะขับขี่แล้ว R1200 GSA ยังมี เมนู Setup ให้เข้าไปปรับแต่งได้อีกขั้นนึง คือ แบบว่าผมนี่แทบจะเอาโซฟามาตั้งข้างรถ พร้อมเครื่องดื่มจิบไป สตาร์ทรถไป นั่งจิ้มรถไปเรื่อยๆ เพราะตัวรถสามารถปรับแต่งได้ละเอียด และลงลึกมากครับ ง่ายๆคือ …​ขึ้นขึ้น ลงลง ซ้ายขวา ซ้ายขวา … (ไม่ใช่แระ) เอาเป็นว่านอกจากในตาราง ยังสามารถปรับเลือกใช้เวลาจาก GPS, ตั้งเวลา และวันที่ให้กับรถ, แสดงไฟสัญญาณเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสม, ปรับตั้งความสว่างของหน้าจอ และอีกพอสมควร เรียกว่า พอก่อนๆ ถ้าลงรายละเอียดหมดคาดว่าไม่จบแน่นอนครับ

เอ๊ะ ASC ก็ปรับการตอบสนองเอง Dynamic ESA ให้ผู้ขับขี่ปรับได้ แล้วเจ้า ASC / Dynamic ESA หล่ะทำงานสัมพันธ์กันยังไงหล่ะเนี่ย !!!! ใจเย็นๆ ตามนี้เลยครับ

Screen Shot 2016-01-18 at 12.26.43 AM

จากรูปจะเห็นว่าผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งการตอบสนองของช่วงล่างได้ 3 ระดับ คือ Soft, Normal, Hard (สำหรับโหมด Rain, Road) และ 2 ระดับคือ Soft, Hard (สำหรับ Dynamic, Enduro, Enduro Pro) โดยตัวระบบ ASC จะคอยปรับตั้งการตอบสนองแบบละเอียดในย่านที่ผู้ขับขี่เลือกให้เอง แล้วปรับละเอียดแค่ไหนเหรอ ก็แค่ประมาณ 10 ครั้งใน 1 วินาทีเท่านั้นเองแหล่ะครับ

 

สัดส่วนคน และรถ
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า BMW R 1200 GSA คันนี้ที่ขายในบ้านเราจะเป็นตัว Low suspension นะครับ คือจะมีการปรับตั้งช่วงล่างให้มีขนาดต่ำกว่า Standard suspension เล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ขับขี่ที่มีสรีระไม่สูงมากนัก แบบบ้านเรา (เช่นผมเป็นต้น ^^) สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

rider173

สำหรับสัดส่วน 173 cm และน้ำหนัก 100 kg บน R 1200 GSA Low Suspension ลงได้เกือบเต็มๆเท้าเลยหล่ะครับ

rider173

เทียบกับผู้ขับขี่คนเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคือรถ (แฮ่ !) บน BMW R 1200 GS LC Standard suspension (ไม่มีการโหลดจากโรงงาน) จะมีความสูงมากกว่า BMW R 1200 GSA เล็กน้อย

IMG_0819

ถึงรถจะเตี้ยลงทำให้ลงเท้าได้มากขึ้นแต่กระนั้นเลย สัดส่วน 163cm คู่กับน้ำหนัก 65 kg ก็เขยิบก้นนิดนึง ลงเต็มเท้าสบายๆดีกว่าครับ (นี่เอ็งเอารถพ่อมาขี่เรอะ !! – พี่คนนึงกล่าวไว้)

 

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #ฝ่าการจราจร

2016-01-03 14.13.00
อาจจะฟังดูขัดแย้งกัน กับตัวรถที่ดูหนา ใหญ่โต บึกบึน อลังการ พร้อมน้ำหนักร่วม 260 kg ขนาดนี้ แต่ในการใช้งานจริง BMW R 1200 GSA กลับทำได้ “ดีมาก”​ การขับขี่ที่ความเร็วต่ำทำได้ง่าย แรงบิดที่ส่งมาตั้งแต่ต้นๆ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเดินคันเร่งได้ง่ายผ่านตามการจราจรต่างๆ

วงเลี้ยวของรถแคบมาก แคบขนาดไหนเหรอครับ ก็กลับรถตามที่กลับรถได้แบบสบายๆเลย ถึงแม้ว่าน้ำหนักของรถจะมากแต่การวางศูนย์ถ่วงของรถที่บาล๊านซ์เป็นอย่างดีทำให้เมื่อขับขี่แทบไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของรถเลยทีเดียว (แต่อย่าเซนะครับ แบบนั้นแปะแน่ๆ – -)

การพลิกรถซ้ายขวาทำได้คล่องตัวมาก โยกรถไปมาได้แทบไม่ต่างกับรถเล็กเลยทีเดียว แต่จะติดขัดก็ตรง ความกว้างของรถเองเนี่ยแหล่ะครับ เรียกว่าถ้าช่องกว้างพอไปได้ ก็ไหลผ่านตามการจราจรไปได้แทบไม่ต่างกับรถเล็กเลยทีเดียว

ความร้อนของรถที่ส่งมาถึงผู้ขับขี่มีน้อยมาก ออกไปทางสบายๆ ชิวๆ จอดติดไฟแดงผู้ขับขี่แทบไม่รู้สึกถึงความร้อนของรถที่แผ่ออกมาเลยทีเดียว แต่เดี๋ยวก่อน กับคนซ้อนในสภาพการจราจรติดขัด จากตำแหน่งของท่อไอเสียด้านขวาที่ค่อนข้างสูง ทำให้คนซ้อนจะรู้สึกถึงไอร้อนที่บริเวณขาขวาได้มากพอสมควรเลยทีเดียวครับ แต่ถ้าใส่ชุดขับขี่ก็ไม่มากเกินไป

โหมดที่แนะนำ Road ทางแห้ง / Rain ทางเปียก
ระบบกันสะเทือนระดับ Soft – Normal
Preload ตามการใช้งาน – 1 คน / 2 คน+สัมภาระ / 1 คน + สัมภาระ

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #เดินทางไกล

OAK_3188

นี่คือสิ่งที่ BMW R 1200 GSA ถูกสร้างขึ้นมา นั่นคือการเดินทางในระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นพละกำลังของเครื่องยนต์แบบวางนอน (boxer) ขนาด 1170 cc ที่ให้แรงบิดมาดีตั้งแต่รอบต่ำ ผู้ขับขี่ไม่ต้องเลี้ยงรอบเพื่อเร่งแซง คือแค่คิดจะไป ก็ทะยานไปด้วยกันได้เลย

ช่วงล่างของ BMW R 1200 GSA ต้องเรียกว่าตอบสนองได้กับทุกสภาพถนน สภาพพื้นผิว และน้ำหนักบรรทุก ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ต้องมาควบคู่กับการศึกษาการใช้งานอย่างจริงจังประกอบไปด้วย เพราะถ้าเลือกผิดไป อาจจะทำให้การขับขี่ “แปลก” และรู้สึกไม่มั่นใจกับรถได้พอสมควร

ตัวอย่างเช่น Dynamic ESA แบบ Soft / Preload – 1 คน / Mode Dynamic แต่ใช้งานบนทางโค้งเขาถนนดีๆ พร้อมคนซ้อน ตัวรถอาจจะออกอาการโยกเยกไปมา ยวบโยน ได้ระดับนึงเลยทีเดียวนะครับ เพราะฉนั้น ศึกษาการใช้งานให้ดี และปรับตั้งให้เหมาะสม รับรอง เวิร์ค !

ขนาดของถังน้ำมัน 30 ลิตรที่ให้มาเรียกได้ว่าขี่กันจนลืมเติมน้ำมันเลยทีเดียว ระยะของการเดินทางท่องเที่ยวใช้ความเร็วเดินทางทั่วไปคาดว่า กรุงเทพ-เชียงใหม่ ถังนึง พอ !

R 1200 GSA มากับชิวบังลมหน้า (windscreen) ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่า GS พร้อมด้วยการ์ดลมด้านข้างตัวถัง รวมไปถึงขนาดของถังน้ำมันที่กว้างออก ทั้งหมดนี้ทำให้บนการเดินทางระยะยาว ผู้ขับขี่ไม่มีลมปะทะให้รำคาญเลยทีเดียว คือนั่งหลังตรงๆ สบายๆ หันซ้ายขวาไปมาได้แบบชิวๆเลยหล่ะครับ

ทั้งนี้สำหรับคนซ้อน บนความเร็วที่มากกว่า 120 km/hr ขึ้นไปจะมีลมที่วนเข้ามาปะทะตัวคนซ้อนได้พอสมควรนะครับ อย่าขี่เร็วกันเลย มาขี่ชิวๆ กินลม ชมธรรมชาติกันบ้างดีกว่า

พร้อมด้วยโช็คลับต้นที่ 3 (Telelever) ที่อยู่ด้านหน้ารถ ทำให้การเบรคไม่ว่าจะเบรคยังไงก็ตาม(ในการใช้งานปกติ) ตัวรถจะไม่มีอาการหน้าจม หรือโช็คหน้าโดนกดลงเลยครับ ทำให้เราสามารถเบรคได้หนักมากๆ ก่อนที่จะปลดเบรค เพื่อหักรถหลบได้ทันที เทียบกับรถที่ไม่มี Telelever การเบรคหน้าหนักๆแล้วพลิกรถนี่ .. เสี่ยงต่ออาการหน้าพับใน หรือดีดผู้ขับขี่ให้บินได้มากเลยทีเดียวนะครับนั่น

โหมดที่แนะนำ Dynamic/Road สำหรับทางแห้ง และ Road/Rain สำหรับทางเปียก
ระบบกันสะเทือนระดับ Normal – Hard
Preload ตามการใช้งาน – 1 คน / 2 คน+สัมภาระ / 1 คน + สัมภาระ

การขับขี่ในสภาพถนนต่างๆ #โค้งเขาทางชัน, ลูกรัง

OAK_3170

ขนาดตัวที่ดูใหญ่โต แต่เมื่อขับขี่แล้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

บน BMW R 1200 GSA ที่มีน้ำหนักตัวร่วม 260 kg ขนาดที่ดูกว้าง มันต้องหนัก และขี่ยากแน่ๆเลย แต่ เปล่าเลยครับ … เสถียรภาพของรถดีมากทำให้การพลิกรถไปมาซ้ายขวา ขึ้น ลง เขาต่างๆ กลับทำได้ง่ายดาย และคล่องตัวมากจนบางครั้งลืมไปเลยว่านี่เรากำลังขี่รถคันใหญ่ขนาดนี้อยู่

ช่วงล่างของรถที่ปรับอย่างเหมาะสมกับสภาพถนน ตอบสนองได้เป็นอย่างดี การเบรค ทำได้อย่างมั่นใจจาก Telever การลดเกียร์ต่อเนื่องเพื่อแต่งรอบเข้าโค้งทำได้ง่ายจากที่มีแรงบิดมาอย่างต่อเนื่องดีตั้งแต่รอบต่ำ

โหมดที่แนะนำ Dynamic/Road สำหรับทางแห้ง และ Road/Rain สำหรับทางเปียก
ระบบกันสะเทือนระดับ Normal – Hard
Preload ตามการใช้งาน – 1 คน / 2 คน+สัมภาระ / 1 คน + สัมภาระ

OAK_3404

เพียงปรับแต่งโหมดให้เหมาะสม R 1200 GSA ก็พร้อมที่จะออกไปลุยได้ทันทีเช่นกัน

กับชุดแครชบาร์ที่ติดตั้งมากับตัวรถเลย ไม่ใช่แค่เสริมภาพลักษณ์ลุยๆเท่านั้น แต่ยังใช้งานได้จริง R 1200 GSA คันนี้พร้อมที่จะทะยานออกไปยังเส้นทางทุรกันดานต่างๆได้อย่างไม่ติดขัดอะไร แต่ทั้งนี้ถ้าจะไปลุยป่า ลุยดินโคลนจริงจัง “เปลี่ยนยาง”​ก่อนเลยครับ ไม่ใช่ว่ายางเดิมไม่ดี แต่แค่เน้นไปทางถนนเรียบซะมากกว่า และนอกจากนั้นเค้าหนักพอสมควรเลยน้า ถ้าไปลุยหนักๆเกรงว่าคนจะเหนื่อยซะก่อน ^^

กำลังของรถมีให้เหลือเฟือ แต่ก็ยังคงความนิ่มนวล การส่งถ่ายกำลังต่างๆทำได้อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ทำให้ R 1200 GSA เป็นรถที่เชื่อถือได้ในการเดินทางแบบนี้ครับ (บนการบำรุงรักษาตามระยะที่เหมาะสม และเชื้อเพลิงที่กำหนด)

สำหรับการขับขี่ในท่ายืนทำได้อย่างง่ายดาย และกระชับกับสรีระช่วงขาของผู้ขับขี่ การโยกรถไปมาบนท่ายืนทำได้ง่ายจากเสถียรภาพของรถเอง ส่วนนึงที่ชอบคือการปรับระดับคันเบรคให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นบนท่ายืนอีกด้วยครับ

โหมดที่แนะนำ Enduro สำหรับทางแห้ง / Enduro Pro สำหรับยางวิบาก และทักษะเพียงพอนะครับ
ระบบกันสะเทือนระดับ Soft – Hard ตามสภาพทาง
Preload ตามการใช้งาน – 1 คน / 2 คน+สัมภาระ / 1 คน + สัมภาระ

อัตราสิ้นเปลือง

IMG_1035

ความบึกของ R 1200 GSA มีที่มาจากปีกถังน้ำมันที่กว้างมาก แต่ก็ระยะพอๆกับตัวเครื่องยนต์ boxer ที่วางนอนอยู่หล่ะครับ ทำให้การกะระยะกลายเป็นทำได้ง่ายกว่า R 1200 GS LCซะอีก (ซะงั้น)

gsa_fuel

คิดเลขแบบขำๆ กับระยะทางที่จับไว้ทั้งสิ้น 981 กม. โดยใช้น้ำมันไป 61.51 ลิตร ทำให้ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยในทุกสภาพการใช้งานของทั้ง 3 ถังอยู่ที่ 15.94 กม./ลิตร แบบสบายๆ เลยหล่ะครับ กับรถในพิกัด 1170 cc ที่พาน้ำหนักตัวมา 260 กก. พร้อมด้วยผู้ขับขี่ และคนซ้อน ^^’

ข้อดี / ข้อสังเกตุ / ข้อเสีย

2016-01-01 13.44.59

ข้อดี

  • โหมดเยอะ ระบบช่วยเยอะ จนอาจจะงง แต่ก็ใช้งานได้จริง ทุกอัน
  • ความสูงสำหรับ Low suspension ทำให้ผู้ขับขี่ที่สรีระ 163 cm อย่างผมเข้าถึงได้ง่ายดายมาก
  • วงเลี้ยว การคอนโทรลรถในวงแคบทำได้ง่ายมากบนท่ายืน
  • เบาะสองตอน ขันซ้ายขวาปลดเบาะง่าย
  • ABS / ASC ทำงานละเอียดมาก ยอมรับให้คนขี่ผิดพลาดได้ค่อนข้างสูง
  • มากับน้ำหนักรถถึง 260 kg แต่กลับไม่รู้สึกว่าหนักแบบรถคันอื่น การยกรถตั้งตรง การขับขี่ทำได้ง่ายดาย และเบามาก คล่องตัวกับการใช้งานมากเลยทีเดียวครับ
  • ทำความเร็วเดินทางได้ดี นุ่มสบาย และใช้งานความเร็วสูงได้ดี เสถียรภาพของรถดีมาก
  • ใช้เบรคได้เต็มที่ ไม่ต้องประคอง ไม่ต้องใช้สติเกลี่ยน้ำหนักเบรคหลังหน้ามาก โช็คต้นกลางลดอาการการหน้าทิ่ม ทำให้สามารถเบรค และยังคอนโทรลรถไปมาได้โดยง่าย
  • การขับขี่บนท่ายืน กระชับ และถ่ายน้ำหนักไปมาได้ง่าย
  • ระบบส่งกำลังนุ่มนวลมาก ผสานกับเพลาขับยิ่งทำให้การเดินคันเร่งในรอบต่างๆ ทำได้โดยง่าย
  • บังโคลนหน้าหลังวางตำแหน่งได้ดี ตำแหน่งของหม้อน้ำ หลบด้านข้างทำให้ไม่โดนโคลนที่ปั่นขึ้นมาเยอะเกินไป (แต่ติดการ์ดเพิ่มก็ดีนะครับ)

ข้อสังเกต / ข้อเสีย

  • ต้องใช้เวลาเรียนรู้การปรับตั้ง และศึกษาการใช้งานในแต่ละโหมดอย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถตอบสนองตามสภาพต่างๆได้อย่างเหมาะสม
  • ชิวบังลมหน้าเป็นมือหมุน ถึงจะปรับตั้งได้ง่ายก็ตาม แต่แหม่ ให้ไฟฟ้ามาซะขนาดนี้แล้ว ทำปรับไฟฟ้าเลยก็ไม่ได้ แต่ก็เข้าใจว่าคงไม่ได้ปรับบ่อย (สำหรับผมต่ำสุดเลยครับ ไม่งั้นร้อน)
  • สำหรับตัวในบ้านเราเป็น Low suspension จากโรงงานเลยนะครับ ทำให้ระยะห่างระหว่างตัวรถกับพื้นถนนจะต่ำกว่าปกติเล็กน้อย
  • ระบบไฟฟ้าเยอะจะมีปัญหามั้ย ? เท่าที่สอบถามมีตัวเซนเซอร์ลมยางเนี่ยแหล่ะครับ 2-3 ปีครบอายุ ราคาเปลี่ยนเซนเซอร์ลมยางจากศูนย์ประมาณ 12,xxx บาท ทั้งนี้สามารถปิดระบบนี้ได้จากเมนู “Setup” นะครับ (แต่เจ้าเซนเซอร์ลมยางนี้ สามารถแกะซ่อมข้างนอกได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน) นอกจากนั้นเท่าที่สอบถามจากผู้ที่ใช้งานมานานกับเลขไมล์ 80,000 – 100,000 กม. ก็ไม่มีปัญหาจุกจิกอะไรมากครับ

น่าจะเหมาะกับ

2016-01-01 15.11.40

คล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจ ^^

น่าจะเหมาะกับ

  • ผู้ขับขี่ที่ต้องการรถสักคันนึงที่สามารถเดินทางระยะไกลต่อเนื่องได้มากกว่า 400 km ต่อวันแบบสบายๆ (หรือจะ 500-700km ต่อวันก็ทำได้แบบไม่ลำบากนัก)
  • ชอบที่จะเรียนรู้ในระบบอำนวยความสะดวก ความปลอดภัยต่างๆ ของตัวรถ
  • ต้องการรถที่ตอบสนองได้ในทกรูปแบบของสภาพถนน (บนการปรับตั้งที่เหมาะสม)
  • มีคนซ้อน !! คือคนซ้อนผมบอกเลยว่านี่เป็นรถที่นั่งสบายที่สุดคันนึงเลยทีเดียวครับ
  • R 1200 GSA คันนี้เป็น Low suspension ทำให้ผู้ขับขี่ที่มีสรีระไม่สูงมากนัก (เช่นผม) ขับขี่ได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับตัว Standard suspension
  • คือ BMW

สรุป

OAK_3251
BMW R 1200 GSA คันนี้ หลายๆคนยกให้เป็นที่สุดของรถในแนว Touring Adventure ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อชั้นที่พี่ยักษ์คันนี้สร้างมาเป็นของตัวเองแต่การขับขี่เองก็ทำได้อย่างคล่องตัว ซึ่งขัดกับขนาดที่ดูใหญ่โต บึกบึน ออกไปทางขับขี่ได้ง่ายที่สุดคันนึงเลยทีเดียว

พื้นฐานของรถสามารถตอบสนองได้กับแทบทุกการใช้งานในบ้านเราที่จะพบได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องมากับการเรียนรู้ที่จะปรับตั้ง ปรับแต่ง ตัวรถอย่างเหมาะสมกับสภาพเส้นทาง และเช่นเคยเปรียบได้กับมีดพับสวิส เล่มใหญ่ๆ ที่มีอุปกรณ์ทุกอย่างครบครัน เพียงแค่ต้องใช้งานให้ถูกที่ถูกเวลา และเรียนรู้ที่จะใช้งานให้เหมาะสม กับสภาพสิ่งแวดล้อมในขณะนั้น

ระบบอิเล็คทรอนิกส์ รวมถึง Telelever ที่ใส่เข้ามาในรถ ช่วยเสริมสมรรถนะ และความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ได้มากขึ้นไปอีกขึ้นนึง ทำให้ผู้ขับขี่สนใจกับการขับขี่เป็นหลักได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่องสภาพสิ่งแวดล้อมมากเกินไป แทั้งนี้บนความเร็วการเดินทางที่เหมาะสมนะครับ

 

คันไหนดี R 1200 GSA / หรือว่าจะเป็น R 1200 GS เลือกยากจริงน้า

2015-12-30 17.58.33

จะเลือกพี่ก็เสียดายน้อง จะเลือกน้องก็กังวลว่าจะไม่หล่อเท่าพี่ยังไงดีหล่ะเนี่ยทีนี้ !

ในส่วนของเสปคตัวรถอย่างที่เขียนไว้ด้านบนในหัวข้อ รายละเอียดทางเทคนิค แล้วนะครับ ที่นี้เรามาดูความแตกต่างที่เห็นกันชัดๆบ้างดีกว่า (สำหรับในบ้านเรานะครับ)

gsa_gs_comparison

จากนี้คือความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ เลยครับ ^^

ในด้านการขับขี่ทั้ง GSA และ GSA LC แทบไม่ต่างกันเลยครับกับทั้ง ตัวรถมีเสถียรภาพที่ดีมากทั้งคู่ พลิกรถไปมาได้ง่ายดาย และคล่องตัวสูง ระบบต่างๆของรถไม่แตกต่างกัน คือมาเต็ม มาครบหมดทั้งคู่

ในด้านของรูปลักษณ์ต้องบอกว่า GSA นั้นมากับความ “อลังการ” ขนาดถังน้ำมันที่อวบอ้วน ผสานกับชุดแครชบาร์รอบคัน แถมด้วยชิวบังลมหน้าขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกที่ใหญ่โต และเต็มๆ มากกว่า GS LC พอสมควร

การขับขี่ตามโค้งเขา แคบๆ ที่ใช้ความเร็วค่อนข้างต่ำไต่ขึ้นทางชันต่างๆ โดยส่วนตัวรู้สึกว่า GSA ทำได้ดีกว่านิดหน่อย คือการเลี้ยวด้วยความเร็วต่ำทำได้ง่ายกว่า GS LC ส่วนนึงน่าจะมาจากน้ำหนักของถังน้ำมันที่ช่วยรักษาอาการคล้ายๆไกวเปลเบาๆ ตอนเดินคันเร่งรอบต่ำๆได้ดีกว่า

ระยะการต่อเกียร์ของ GSA ช่วงเกียร์ 1-2 รู้สึกจะสั้นกว่าของ GS LC เล็กน้อยเท่าที่อ่านจากเสปคโดยละเอียดเห็นว่ามีการปรับอัตราทดของเกียร์ 1 ใน GSA ให้ได้แรงบิดที่สูงกว่าของ GS LC เพื่อช่วยในการ “ไต่หินเขา ลุยลำธารต่างๆ” นะครับ แต่ในย่านความเร็วช่วงกลางปลาย GS LC ให้ความรู้สึกที่ไหลขึ้นดีกว่าพอสมควร ส่วนนึงน่าจะเพราะ GS LC แบกภาระน้ำหนักตัวน้อยกว่า GSA ด้วย

การฝ่าการจราจรรถติดๆ ทำได้ไม่ต่างกัน แต่สำหรับผมในการขับขี่ช่วงเวลาสั้นๆเพียง 2-3 วัน GSA จะง่ายกว่านิดหน่อยตรงขนาดของถังที่กว้างพอๆกับตัวเครื่องทำให้กะระยะได้ง่ายกว่า GS LC ที่เหมือนจะพ้น แต่เอ่ะติดแครชบาร์ที่เครื่องซะอย่างนั้น แต่ถ้าคุ้นกับรถแล้ว GS LC น่าจะให้ความคล่องตัวดีกว่า GSA นิดหน่อยครับ

การใช้งานในทุกสภาพที่พบเจอได้ GS LC ให้ความรู้สึกที่คล่องตัวมากกว่าจากน้ำหนักรถที่น้อยกว่าร่วม 22 kg (GSA – 260 kg , GS LC 238 kg) แต่สำหรับ GSA น้ำหนักที่มากกว่าก็กลายเป็นข้อดีในการเดินทางเส้นทางหลักยาวๆ คือให้ความรู้สึกที่มั่นคงมากกว่า GS LC

GS LC มีระยะทำการที่ประมาณ 450 km ส่วน GSA นั้นน่าจะทำได้ถึง 600 km สบายๆ ทั้งนี้ในการเดินทางบ้านเรา คงไม่ได้ใช้ถึงระยะนี้ทั้งคู่หล่ะครับ เพราะส่วนใหญ่เราเดินทาง 200 km ก็พักคนก่อนรถแล้ว ผมเองทำไปถึง 350 km บนการจราจรต่างๆ กับเวลาร่วมๆ 4:30 ชม. ก็ต้องพักแล้วเหมือนกัน

ทั้งนี้ระยะทำการไกลๆ จะมามีประโยชน์ก็ตอนที่เราเดินทางนอกประเทศในพื้นที่ทุรกันดานนะครับที่จะแตกต่างกันจริงๆ ซึ่งน้อยครั้งมากที่เราจะได้ใช้ประโยชน์ตรงนี้

 

โดยสรุปส่วนตัวผมถ้าเลือกที่การใช้งานคงมองไปทาง GS LC แต่ถ้ามองในแง่ของการเดินทางระยะไกล (ไกล๊ ไกล) และความอลังการของตัวรถคงมองไปทาง GSA อย่างไม่ต้องสงสัย

 

เรียกได้ว่าเป็นอีก รีวิว นึงที่ “ยาวมาก”​ แต่ผมตั้งใจเขียนให้ครบในทุกด้านของการใช้งานจริง เดินทางจริงไปกับ BMW R 1200 GSA คันนี้ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง BKK Motorcycle อีกครั้งที่ให้เกียรติกับผมได้ทำการขับขี่เค้าไป สัมผัสกับปลายทางที่เส้นขอบฟ้า บนเส้นทางสวยๆ กับการเดินทางอีกครั้งนึง

OAK_3435

 

BKK Logo final
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ BKK Motorcycle พระราม 3 สำหรับ BMW R1200 GSA สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

BMW Motorrad Authorized Dealer.
89 Industrial Ring Road Chongnonsi , Yannawa, Bangkok, Thailand 10120
Tel +66(02) 683-0585-86
http://facebook.com/bkkmotorcycle

 

407860_501757636513501_194867948_n

ขอบคุณ Run Auto Care ที่คอยดูแลความสะอาดและเอี่ยมให้กับ BMW R 1200 GSA คันนี้

275/15 Sathupradit15, Sathupradit Road, Chongnonsri, Yannawa

Tel : 087-981-8626 , 081-992-6292

https://www.facebook.com/Runautocare/

 

 

 

Comments