Vespa the Series พาเพลิน ณ เวียดนาม ตอนที่ 2 ห้องทดลองแห่งอารมณ์ที่หวิงฟุก (2/3)

โดย /

เพราะนี่ไม่ใช่มอเตอร์ไซค์ แต่นี่คือ ​Vespa ที่ต้องได้ลองสัมผัสเอง ถึงจะเข้าถึงได้กับอารมณ์ที่ Vespa ส่งต่อมาจากการเดินทาง ที่มีประวัติความเป็นมาเริ่มต้นในอิตาลีมาตั้งแต่ปี 1946 ซึ่งในปัจจุบันทาง Piaggio ยังคงการออกแบบ และเอกลักษณ์ โดยยังคงรูปทรงเดิมไว้นับจากที่ Corradino D’Ascanio ได้เริ่มต้นร่างภาพของ Vespa เมื่อกว่า 80 ปีก่อนนั่นแหล่ะครับ หรือก็คือในวันที่ 23 เมษาปี 1946 เวลา 12:00 ตรงนั่นเอง

ซึ่งจะเรียกว่าโรงงานก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะ Gianluca Fiume – Head of Asia Pacific and China เน้นชัดว่านี่คือ “ห้องทดลองแห่งอารมณ์” ของ Vespa เลยหล่ะครับ ซึ่งเราทุกคนต่างก็สามารถสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ผู้บริหารทุกคนมีต่อแบรนด์ Piaggio และ Vespa ผ่านการนำเสนอที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ภายใน “ห้องทดลอง” ที่เต็มไปด้วยสีสันที่สดใส แสนโดดเด่นแห่งนี้

Scooter แห่งอารมณ์ เพิ่มเติมด้วยการออกแบบเพื่อผู้ขับขี่

Gianluca Fiume – Head of Asia Pacific and China

ด้วยความยึดมั่นในเอกลักษณ์ของ Vespa ทั้งรูปทรง และสีสัน ที่คงไว้มาอย่างยาวนาน และในปี 2023 นี่เองที่ทาง Vespa หมายมั่นที่จะพัฒนาเพิ่มเติมโดยเอาข้อแนะนำจากลูกค้า มารวมเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่บางส่วน “เพิ่มเติมให้น้อยที่สุด แต่ตอบตามความต้องการให้มากที่สุด” โดยยังคงมุ่งที่จะส่งมอบ “อารมณ์” และชื่อชั้นของคำว่า Premium Scooter ให้คงอยู่กับลูกค้าทุกคน 

ห้องทดลองแห่งนี้นับเป็น 1 ใน 12 โรงงานทั่วโลกของ Vespa โดยที่จังหวัด หวิงฟุกนับว่าเป็นโรงงานประกอบที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ด้วยพื้นที่การผลิตรวม 75,000 ตารางเมตร จากพื้นที่ทั้งหมดกว่า 190,000 ตารางเมตร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการขยาย และเสริมฐานการผลิตได้อีกอย่างต่อเนื่อง

โดยมีการแบ่งออกเป็น 4 สายการผลิตหลัก คือ

  • สายงานประกอบเครื่องยนต์
  • สายงานเชื่อมโครงสร้างตัวถัง
  • สายงานการพ่นสี
  • สายงานการประกอบ

พร้อมด้วยห้องตรวจเช็คคุณภาพอีก 2 ห้อง เพื่อทำการทดสอบระบบพื้นฐานของตัวรถทั้งหมดก่อนจะบรรจุเพื่อส่งมอบ

สายประกอบเครื่องยนต์

กะด้วยสายตาคร่าวๆ ก็ร่วมๆ 30 คนต่อ 1 สายหล่ะครับ (มีทั้งหมด 3 สาย) ที่คอย ตกแต่งเจาะ และประกอบชิ้นส่วนที่ได้รับจากผู้ผลิตต่างๆ มาลงเป็นเครื่องยนต์ของที่เป็นขุมพลังให้กับ Piaggio, Vespa และ Aprillia SR GT 200 ที่ผลิตขึ้นที่โรงงานแห่งนี้ ต่างคนต่างทำตามหน้าที่ของตัวเองก่อนจะส่งมอบต่อตามสายการผลิตไปอย่างลงตัว จังหวะที่ลื่นไหลตามความชำนาญของเหล่าพนักงานแต่ละคนต่อเนื่องไปราวกับบทเพลงที่บรรเลงไปเรื่อยๆ ตามสายพานการผลิตของตน

สายงานเชื่อมโครงสร้างตัวถัง

จากความหลงใหลในการบินของ Corradino D’Ascanio ประสานเข้ากับการออกแบบ โดยใช้ท่านั่งของผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง ก่อนที่จะออกแบบตัวรถให้รองรับกับท่านั่งที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ทำให้ได้ผลงานออกมาเป็น Vespa คันแรกของโลกเป็น Vespa 98 ในปี 1946 นั่นแหล่ะครับ

ซึ่งโครงสร้างของตัวรถนั้นมาจากการโครงที่ได้รับการชุบกันสนิมด้วยไฟฟ้า ก่อนที่จะใช้การซ้อนทับของชิ้นงาน และยึดด้วยการเชื่อมแบบจุด (Spot Welding) ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้บนโครงสร้างของเครื่องบินในช่วงสงครามโลก ทำให้ได้โครงสร้างตัวรถที่แข็งแกร่ง ผลิตได้เร็ว และทนทานผ่านยุคสมัย อย่างที่เราเห็น Vespa หลายๆคันที่มีอายุอานามกว่า 40-50 ปี ก็ยังคงใช้งานได้บนท้องถนนอยู่

สายงานการพ่นสี

กับพนักงานที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง … ที่คอยตรวจสอบคุณภาพงานสีหลังจากผ่านการพ่นมาแล้วอย่างประณีต ที่เห็นถึงความละเอียดอ่อน และความใส่ใจในงานสีที่ทำให้งานสีของ Vespa นั้นเต็มไปด้วยสีสันอันแสนโดดเด่นมากมาย

ซึ่งในห้องพ่นสีนั้นก็จะมีการแบ่งเป็นห้องย่อยๆ ตามขั้นตอนต่างๆ และมีการกรองบำบัดของเสียอย่างเป็นระบบ

สายงานการประกอบ

จวบจนมาถึงบทส่งท้าย แต่ไม่สุดท้ายของห้องทดลองแห่งนี้ กับการประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าด้วยกันออกมาเป็น งานศิลป์ที่ให้เสพย์ ที่ยังคงเต็มไปด้วยท่วงทำนองของบทเพลงที่บรรเลงสอดประสานกันอย่างลงตัวตั้งแต่ต้น และพร้อมที่จะบรรเลงขึ้นมาทุกครั้งที่ผู้ขับขี่ได้ขึ้นไป “สัมผัส” กับท่วงทำนองที่บรรเลงขึ้นทุกครั้งที่เปิดคันเร่งให้ทะยานออกไป

แม้ว่าการใช้งาน Vespa นั้นมีจุดประสงค์เพื่อการเดินทาง และใช้งานหลัก แต่ Vespa มุ่งเน้นที่จะส่งมอบอารมณ์ ที่พาให้หัวใจเต้นรัวอย่างเบิกบานต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะนั้นคือ “สิ่งที่ Vespa ต้องมี” 

และนี่คือ Vespa กับห้องทดลองแห่งอารมณ์ … ที่เต็มไปด้วยสีสัน และท่วงทำนองของบทเพลงที่ผ่านกาลเวลามานานกว่า 80 ปี

สีสันสดใส … พบได้ในทุกส่วนของห้องทดลองแห่งนี้

Vespa the Series ทั้ง 3 ที่นี่เลย

Comments