Vespa the Series ตอนที่ 3 แกะกล่องลองแว่บเดียวกับ GTS 150, GTS 300 มีแถม Piaggio One (3/3)

โดย /

Aprillia SR GT 200, GTS 150, GTS 300, และน้องเล็ก Piaggio One ครบทั้งสามแบรนด์จบในพื้นที่เดียว

ตอนที่ 3 ตอนสุดท้ายกับ Vespa ในคราวนี้ ที่ให้เรามาเยือนถึง Hanoi เวียดนาม … ตอนที่ 1 และ 2 อยู่นี่ถ้าใครยังไม่เห็นจิ้มไล่ดูก่อนได้เลย เพราะคราวนี้จะเป็นบทสรุปของท่วงทำนองที่เราโดนปลุกปั่นมาตั้งแต่วันแรกที่ย่างก้าวเข้ามาในเมืองแห่ง Vespa แห่งนี้ กับการลำดับอารมณ์อย่างต่อเนื่อง ไล่เรียงกันมา

แม้ว่าจะมีสายฝนที่โปรยกันทั้งวันตั้งแต่เช้าเป็นละออง สลับเม็ดฝนมาเรื่อยๆ แต่เราก็ไม่หยุดกัน … มาถึงนี่แล้ว ต่อให้ตกหนักเรียกว่ายังไงก็ต้องได้จบหล่ะครับ โดนปั่นอารมณ์กันมาขนาดนี้ กับการทดลองขับขี่ Vespa รุ่นใหม่ของปี 2023 ที่พึ่งจะเปิดตัวไป อย่าง Vespa GTS 150 และ GTS 300 ที่ได้รับการปรับเติมมาอีกขั้น

คงอารมณ์พื้นฐานที่สืบทอดมา 80 ปี เส้นสายทุกอย่างยังคงเดิม เพิ่มเติมด้วยการรับข้อเสนอจากผู้ขับขี่ เติมด้วยเทคโนโลยีเข้าไปให้มากขึ้น แต่คงไว้ซึ่งความเรียบตามเอกลักษณ์ของ Vespa ที่จะคงอยู่ต่อไปอีกยาวนาน

ซึ่งต้องบอกว่าในการขับขี่ครั้งนี้นั่นสั้นมากหล่ะครับ เรียกว่าไม่เกิน 2-3  km ต่อคัน วนกันสองรอบจบ แต่ด้วยสภาพอากาศฝนโปรย เย็นๆแบบนี้ ต้องบอกว่าสนุกไปอีกแบบเลยเหมือนกัน เอาเป็นว่ามาส่องกันดีกว่าว่าแต่ละรุ่นมีอะไรเปลี่ยนแปลงไป เพิ่มเติมอะไรเข้าไปอีก … แต่ทั้งนี้ Vespa ก็คือ Vespa 

การเปลี่ยน และเพิ่มเติมหลักๆ ที่เห็นได้ชัดเลยก็จะเป็นตามนี้

  • ระบบไฟ LED ใหม่
  • หน้าจอแสดงผลใหม่ พร้อมด้วยกุญแจ Keyless
  • เพิ่มรายละเอียดการตกแต่งเพิ่มเติม
  • ช่วงล่างชุดหน้าปรับแต่งใหม่ เพื่อการใช้ความเร็วที่มากขึ้น และตอบสนองได้ดีขึ้นบนพื้นผิวถนนที่ไม่ราบเรียบ
  • ชุดพลาสติกตกแต่งใหม่ เติมคิ้ว ขอบข้าง และสีสันที่ปรับเปลี่ยนอีกเล็กน้อย

GTS Series (GTS 150 / GTS 300)

ซึ่งในการขับขี่สั้นๆนั้น บอกเลยว่าแทบจะไม่รู้สึกอะไรว่ามีความแตกต่างไปจากเดิมเลยหล่ะครับ … แต่อย่างน้อยสิ่งที่บอกได้คือ ทั้ง GTS 150 และ GTS 300 นั้นอารมณ์การขับขี่ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่างไป มีเพียงหน้าจอแสดงผลที่ปรับเพิ่มเติมในส่วนของ digital มากขึ้น และกุญแจที่เป็น Keyless ที่ทำให้รู้สึกแตกต่าง 

นอกจากนั้นจะเป็นเรื่องของการออกแบบที่ปรับเส้นสายนิดหน่อย ให้ดูคม ดูมีมิติของตัวรถมากขึ้น ส่วนการขับขี่อย่างละเอียดนั้นไว้มีโอกาสได้ทดสอบแบบเต็มที่ กับท้องถนนของบ้านเราแล้วเดี๋ยวค่อยมาว่ากันอีกทีดีกว่า

แถม Piaggio One EV 100%

เรียกว่า รถใช้ในหมู่บ้านหล่ะเหมาะเลยครับกับ Piaggio One คันนี้ ด้วยมิติรถขนาดเล็กกระทัดรัด วงล้อขนาดเล็ก ที่มากับ 2 mode ขับขี่คือ

  • Sport Mode ทำความเร็วได้ 45 km/hr กับระยะทาง 45 km
  • Eco Mode ทำความเร็วได้ 30 km/hr กับระยะทาง 55 km

ส่วนจะขายในบ้านเราหรือไม่นั้นบอกเลยว่า “ไม่ทราบครับ” อันนี้ต้องรอแนวทางจากทาง Vespa อีกที แต่โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าในบ้านเราหล่ะก็ เหมาะกับการใช้ในหมู่บ้าน ขี่ไปซื้อของเล็กๆน้อยๆ แบบไม่ต้องออกถนนใหญ่หล่ะครับ

Comments