ปั่นล้อ ปลดล็อค รถเพื่อนพร้อมน้ำมัน โปรดี กับ BMW Enduro Park Level 1

โดย /

“สวนสนุกของเด็กน้อยในตัวเรา” คือแนวความคิดง่ายๆที่ผมได้รับจาก Enduro Park แห่งนี้ กับพื้นที่กว้างขวางในจังหวัดชลบุรี ที่รายล้อมด้วยต้นไม้ให้ความร่มรื่น และลาน “ทางเรียบ” ให้พวกเราได้เล่นสนุกกับสภาพเส้นทางกรวด หญ้า ดิน เนิน และการจำลองอุปสรรคต่างๆ ไปกับ BMW R 1250 GS คันนี้เนี่ยแหล่ะครับ

ซึ่งในครั้งนี้ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมกับ Enduro Level 1 ที่ต้องบอกว่าเป็นการเริ่มปลดล็อคสกินเขียว ในการขับขี่รถในแบบ Touring Adventure ที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่สุดโต่ง ! ที่ทำให้ผมเองก็ยังแปลกใจว่า ผ่านกองดินโคลนเหลวๆ ข้ามน้ำ หินคลุกต่างๆ มาได้แบบสบายๆ ได้ยังไง 

แต่ก่อนที่จะไปต่อ ต้องขอบอกเลยว่า กับการมาที่ Enduro Park แห่งนี้ … เราต้องละลายนิสัย และสัญชาตญาณในการขับขี่พื้นฐานของเราทิ้งไปก่อน เพราะการขับขี่ไปกับ BMW R 1250 GS ที่เต็มด้วยเทคโนโลยีนั้น อาจจะขัดกับ “ความเชื่อ” ของพวกเราไปสักนิด … เปิดใจสักหน่อย ทำความรู้จักกับรถ แล้วบอกเลยว่า “วิธีการขับขี่เอาตัวรอดไปกับ BMW GS ที่นี่คือของจริง” 

การเดินทางมา Enduro Park จากกรุงเทพนั้นง่ายมากเลยครับ แค่ประมาณ 1-2 ชั่วโมง วิ่งมาทาง Motorway 7 ออกทางสวนสัตว์เปิดเขาเขียว แล้วตาม location นี้ได้เลย เราก็จะมาพบกับพื้นที่ปิดที่ปลอดภัย ให้เราได้ปลดปล่อยความสนุกไปกับสวนสนุกกว้างๆแห่งนี้แล้ว

โดยการเล่นสนุกกับ Enduro Park นั้นจะแบ่งออกด้วยกันเป็น 3 level ที่ต้องผ่านด่านมาทีละด่าน ซึ่งในครั้งนี้ผมได้เริ่มต้นกับ level 1 ที่เป็นการเริ่มต้น “ปลดล็อค” การขับขี่ในแบบ Enduro กับ รถ BMW R 1250 GS คันนี้เลยหล่ะครับ

ซึ่งใน Level 1 นั้นจะมุ่งเน้นให้พวกเรา “เปิดใจ” และทำความเข้าใจไปกับระบบต่างๆ โดยเฉพาะ โหมดการขับขี่ และการทำงานของระบบต่างๆบนตัวรถ โดยเฉพาะ Dynamic Traction Control, ABS “PRO”, และ Riding Mode ต่างๆ 

รีวิว BMW R 1250 GS อย่างละเอียด ระบบทุกอย่างจัดเต็มที่นี่เลย

[REVIEW] BMW R 1250 GS / GSA เหนือชั้นไปอีกขั้น กับทุกการขับขี่เดินทางจริง

Level 1 มีอะไรบ้างสรุปสั้นๆตามนี้เลย

 

รู้จักกับ Mode และระบบของ R 1250 GS ให้มากขึ้น

กับคำแนะนำจาก “พี่ไก๋” Patima Kongpetch ท่านผู้นำแห่ง Enduro Park Thailand

โหมดการขับขี่ของ BMW R 1250 GS นั้นถูกแบ่งออกเป็น 4 โหมดหลัก (พร้อม 2 โหมดลับ) คือ 

  • Rain – กับการปรับตั้งช่วงล่างที่นุ่ม ให้การซับ และคืน ช่วงล่างที่ไม่สม่ำเสมอทั้งหน้า – หลัง เพื่อให้ช่วงล่าง ช่วยในการเพิ่มการยึดเกาะอย่างเต็มเหนี่ยว พร้อมระบบความปลอดภัยทำงานแบบ “เต็ม”
  • Road – กับการปรับตั้งช่วงล่างเพื่อการใช้งานบนทางหลัก ให้เสถียรภาพ และความสม่ำเสมอของการตอบสนองบนทางเรียบ พร้อมระบบที่ปรับตั้งเพื่อทางเรียบ แต่ยังคงให้ความนุ่มนวล ลอยผ่านหลุม ลูกระนาดต่างๆ ได้แบบสบายๆ
  • Dynamic – การปรับตั้งช่วงล่างที่ “แน่น &หนืด” ขึ้น เพื่อการตอบสนองกับการขับขี่แบบ คดเคี้ยว หรือการใช้ความเร็วบนทางเรียบอย่างต่อเนื่อง
  • Enduro – การตอบสนองที่พร้อมลุย ซับแรงจากพื้นในเส้นทาง off-road แต่ยังคงไว้ซึ่งการยึดเกาะ ที่ทำงานสอดคล้องกับ ล้อหลัง ที่ “พร้อมปั่น” ฝ่าอุปสรรคได้ (โดยระบบ DTC ยังคงทำงานอยู่นะครับ แค่ยอมให้ปั่นเพื่อผ่านอุปสรรคได้นั่นแหล่ะ)

นอกจากนั้น หากคุณขี่ครบ 1,000 km พร้อมกับคุ้นเคยกับระบบของตัวรถแล้วหล่ะก็ … รับไปเลยการปลด 2 โหมดลับ ! ที่เรียกว่า Mode ปีศาจก็ว่าได้ เพราะถ้าเราเลือกปิดการทำงานของระบบต่างๆลง โดยเฉพาะ Dynamic Traction Control หล่ะก็ …​แรงบิด 143 Nm ส่งลงเต็ม ที่ทำให้จากรถที่นุ่มนวล แปลงกลายเป็นรถที่น่ากลัวที่สุดคันนึงที่ผมเคยขับขี่มาเลยทีเดียว

  • Dynamic Pro – ปรับตั้งค่าได้ทุกอย่าง หรือจะเรียกเป็น Custom Mode ของ On Road ก็ได้
  • Enduro Pro – ปรับตั้งค่าได้ทุกอย่าง หรือจะเรียกเป็น Custom Mode ของ Off Road ก็ได้

 

ปรับตัว จัดท่าทาง สร้างความคุ้นเคย กับการสลาลม ปล่อยมือ แขน ขา ตามอารมณ์ไปกับ GS บนทางกรวดลื่นๆ

กับการวนไปบนลานที่ดูง่ายๆเนี่ยแหล่ะครับ แต่บอกเลยว่าไม่ได้ง่ายขนาดนั้น สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ เชื่อใจในตัวรถ แล้วให้เค้าทำหน้าที่ดูแลเรา เสริมเติมไปด้วยการลอง ปล่อยมือบ้าง ปล่อยขาบ้าง หรือคุกเข่าบนรถบ้างเท่านั้นเอง ซึ่งแบบฝึกหัดนี้ช่วยให้ผมปรับตัวไปกับบาล๊านซ์ของ R 1250 GS คันนี้ได้เป็นอย่างดี 

คันเร่งแทบไม่ต้องใช้ เพราะแค่ปล่อยคลัชนิดหน่อย แรงบิด 143 Nm จากเครื่องยนต์แบบ Boxer (รหัส R) ในตำนานของ BMW ก็พร้อมดึงให้ผมเคลื่อนที่ไปแล้วหล่ะครับ

 

วนกรวยที่ดูง่าย แต่ต้องบอกเลยว่า ท่าทางในการขับขี่บนพื้นที่แทบไม่มีแรงยึดเกาะกับยางนั้น มัน “ลื่น” และ “เสียว” แต่ “สนุก” แบบแปลกๆเลยทีเดียว 

ซึ่งในแบบฝึกหัดนี้ เน้นไปที่การจัดท่าทางการขับขี่แบบ Off Road หรือที่เรามักจะคุ้นกันว่าการ Lean out ซึ่งก็คือการถ่ายน้ำหนักของผู้ขับขี่ออกไปนอกโค้ง โดยยังให้รถรักษามุมเลี้ยว และสมดุลบนพื้นผิวลื่นๆได้ ซึ่งจะต่างกับการขับขี่แบบ On Road ที่เรามักจะถ่ายน้ำหนักเข้าไปในโค้งเพื่อใช้ความเร็วได้มากขึ้นนั่นแหล่ะครับ

การ “กำคลัชเบรค” ในตำนานกับ ABS Pro บน Enduro Mode

“เปิดใจ” และ “เปิดใจ” คือสิ่งที่ต้องเน้นเลยกับการขับขี่ในครั้งนี้ 

BMW R 1250 GS มากับระบบ ABS PRO ที่มีแนวคิดว่า

  • Engine Brake คือภาระในการเบรค
  • ABS คือการทำให้ได้ระยะเบรคที่สั้นที่สุดในทุกสภาพเส้นทาง
  • Dynamic Brake Control ทำงานร่วมกับ ABS Pro ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ (ตัด engine brake ออก) และคำนวนสภาพพื้นผิวให้แบบ Real Time พร้อมปรับการทำงานของ ABS ตามสภาพพื้นผิวนั้น พร้อมคำนวน และเพิ่ม/ลด น้ำหนักเบรคหลังตามโมเมนตัมของรถ
  • ถ้ากดเบรคสุดจนจม รถจะคืนก้านเบรคหน้าออกเล็กน้อย เพื่อให้ใช้น้ำหนักเบรคได้มากขึ้นอีก

ทำให้การเบรคเพื่อให้ได้ระยะสั้นที่สุด กับ R 1250 GS และรถจาก BMW ทุกรุ่นที่มี ABS นั้นคือ

  • ปิดคันเร่ง 
  • กำเบรคหน้า พร้อมคลัช  ด้วย 4 นิ้วให้สุดแรง
  • ปล่อยให้ระบบ ABS ทั้งหมดทำการคำนวน และจัดการการเบรคให้เอง

ซึ่งต้องบอกเลยว่า โดยสัญชาตญาณของผมที่ผ่านการขับขี่มาทั้งหมดนั้น จะเป็นการใช้ Engine Brake พร้อมกับการใช้เบรคหลังช่วยในการประคองรถ ที่ต้องละลายทิ้งไปก่อน แล้วมาลองกับ GS คันนี้เนี่ยแหล่ะครับ กับความเร็วประมาณ 50 km/hr ที่สามารถหยุดนิ่งได้บนพื้นแบบนี้ผมใช้ระยะเพียง 5-6 เมตรเท่านั้นเอง 

พร้อมด้วยการจัดท่าทางโดยการดึงสะโพกไปด้านหลังที่จะช่วยให้น้ำหนักของรถไม่เทไปที่หน้ารถจนเสียการควบคุม คือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างนึงบนแบบฝึกหัดนี้เช่นกัน

ปั่นล้อฝ่าอุปสรรคกับการเปิดใช้ Dynamic Traction Control

ขอบคุณช่างภาพจากไบค์เกอร์เจอนี่ ด้วยนะครับ

ขี่วนไปในสวนสนุกกับ “พี่เอก” Waranyu Tanchareon ที่มีดีกรีเป็นถึงรองแชมป์จากรายการ Baja 1000 ได้ไม่เท่าไหร่ ก็พาเรามาวางบนกองโคลนหนาๆกันซะแล้ว ซึ่งจากในรูปเหมือนจะไม่ลึกเท่าไหร่ แต่ของจริงนั้นบอกเลยว่า ถ้าเดินมีจมหล่ะครับ กับกองดินเลนหญ้าที่อุ้มน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก 

“แว่บแรก” ไปยังไงหล่ะเนี่ย แต่เอาหน่ะมาถึงนี่แล้วจะอ้อมก็ไม่ใช่หล่ะ เดี๋ยวเพื่อนล้อ! ผมจึงเปิดคันเร่งออกไปพร้อมกดน้ำหนักลงท้ายรถเล็กน้อย แล้วก็ “อะไรกันเนี่ย” เพราะสภาพทางแบบนี้นั้นต่อให้เป็นรถ Dual Purpose พิกัดเล็ก 150cc ของผมยังปั่นไปยากเลย แต่กับยักษ์ R 1250 GS คันนี้ “มันง่ายมาก”

ดันคันเร่งไปเรื่อยๆ ที่เหลือให้รถทำงาน คือเสียงพี่เอก ที่ดังอยู่ในหัวผม … อาการของตัวรถนั้น “มีอยู่แล้วหล่ะครับ” ท้ายส่ายไปมา เหมือนจะไปต่อไม่ได้ เหมือนจะหยุด แต่เสียงในหัวผมก็ยังคงบอกให้ “ดันคันเร่งต่อไปเรื่อยๆ” ให้ระบบ Dynamic Traction Control บน Enduro Mode ของรถคันนี้ทำหน้าที่ของเค้าซึ่งจะคอยรักษาอาการ และคุมการปั่นล้อหลังให้ส่งแรงลงไปได้มากที่สุด เพื่อพาให้รถผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้ 

ท่ายืนการขับขี่ที่เน้นกันจังตั้งแต่เช้า … ได้มาเห็นประโยชน์กันก็ตอนนี้แหล่ะครับ ที่รถส่ายไปมา …​การยืนขี่ไปทำให้ผมสามารถโยกตัวไปมาตามจังหวะการส่ายของรถได้อย่างคล่องตัว และมองเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน

ถ้านั่งขี่หล่ะก็ … มีสิทธิ์ที่ตัวของผมจะโดนเหวี่ยง และต้องเอาขาช่วยยัน ซึ่งก็ไม่อยู่แน่ๆ เท้าจมดินเลน พร้อมการทิ้งรถอย่างแน่นอน (มีตัวอย่างด้วยนะวันนี้ !!)

ไต่เนินกรวดกับรถที่หนักกว่า 240 kg พร้อมการเบรคหน้าบนทางลง

ดันขึ้นไปเล้ยยย เฮ้ยย คันเร่งเกิน รถเกือบลอย!!! 

“ตกใจสินะ” กับเสียงตะโกนของพี่ไก๋ Parima Konpetch ที่ดังมาตอนผมถึงยอดเนิน… แหม่ ตกใจสิครับพี่ เพราะความเคยชินของผมกับรถพิกัดเล็กที่ต้องดันคันเร่งขึ้น แต่พอมาเป็น R 1250 GS คันนี้ แทบไม่ต้องเลย แรงบิดมาเหลือเฟือ

วนกลับมาใหม่อีกรอบแค่แตะคันเร่งเบาๆ รถก็พร้อมพุ่งทะยานขึ้นเนินไปแบบ “ชิวๆ” ได้เลยทีเดียวแบบไม่ต้องลุ้นอะไร DTC ช่วยอีกแล้วเพราะทันทีที่เริ่มจะไถล เค้าจะทำงานประคองให้ส่งแรงบิดลงพื้นต่อได้อย่างต่อเนื่อง ไต่ไปเรื่อยๆสบายๆ

น้ำหนักรถกว่า 240 kg ของ R 1250 GS นั้น … ถูกคุมอาการของการลงทางแบบนี้ไว้ได้อย่างหมดจดด้วยระบบเบรคของเค้าเนี่ยแหล่ะครับ 

กับการลงเนินชันที่เคยต้องพะวงกับการเกลี่ยน้ำหนักเบรคหน้าให้พอดี บน R 1250 GS “ปล่อย” ให้เค้าทำงานไปอีกแล้ว ซึ่งสิ่งที่เน้นจากแบบฝึกหัดนี้คือ การเรียนรู้ที่จะใช้ Engine brake ดึงรถปล่อยไหลลง ในรอบแรก

จากนั้นให้ลองกำคลัช กำเบรคหน้า ประคองให้รถไหลลงให้ช้าที่สุด เพื่อเรียนรู้การจัดท่าทางในการขับขี่ และบาล๊านซ์บนเนินชันให้มากขึ้น รวมถึงเรียนรู้ระบบของตัวรถในสนามเด็กเล่นแห่งนี้ ซึ่งตรงนี้ช่วยเสริมทักษะในการขับขี่ได้ดีเลยหล่ะครับ เพราะในการเดินทางจริง เราเลือกเส้นทางไม่ได้ตลอดเนาะ

ขับขี่ท่องเที่ยวสั้นๆ บนเส้นทางจริง ผ่านดิน ทราย น้ำ โคลน หิน และการข้ามน้ำ

เห็นกล้องไม่ได้ … กับการตามมาแบบ “อะไรของมัน” ของพี่ไก๋ ด้านหลัง

หลังจากที่เราได้ซักซ้อม และทำความเข้าใจกับระบบของรถในสนามเด็กเล่นของเราแล้ว เราก็ได้มาลองขับขี่บนเส้นทางจริงกันบ้าง ซึ่งด้วยการวางลักษณะการขับขี่ของทาง Enduro Park ใน Level 1 นั้นต้องบอกว่าเน้นให้สิ่งที่เราเจอสนามเด็กเล่นนั่นแหล่ะครับ มาใช้ในการแก้อาการ และท่องเที่ยวไปบนเส้นทางในแบบ Off Road 

ซึ่งทำให้ผมเดินทางได้อย่างสนุกสนานเลยหล่ะครับ เพราะเราได้ทำความรู้จักกับรถมาแล้วในระดับนึงหล่ะ เล่น และ ลอยผ่านอุปสรรคไปได้อย่างมั่นใจมากขึ้น … ลองนึกว่าถ้าจับรถครั้งแรก แล้วมาเจอทางแบบนี้โดยไม่รู้อะไรเลย มีเสียวแน่นอน

รถเลอะไม่ต้องกลัว ไปล้างกัน

กับการลุยผ่านแอ่งน้ำ บนพื้นผิวของบ่อหิน มาอีกแล้วครับเสียงในหัว “ดันคันเร่งไปเรื่อยๆ” ที่เหลือปล่อยให้รถทำงาน ส่วนตัวเรานั้นแค่ยืนบาล๊านซ์ และประคองให้เค้าไปในทางที่ต้องการก็พอ … 

จากที่มีความเสียวในการข้ามน้ำกับรถขนาดใหญ่แบบนี้ แต่ด้วยการที่ได้ฝึกซ้อมบนโคลนลื่นๆมา บอกเลยว่า “ยากกว่านี้มีอีกมั้ย” … (นั้นนน)

สรุป

เค้าว่าให้มองกล้อง …

เพราะการเรียนรู้นั้นไม่สิ้นสุด … รถที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ระบบที่เพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้เราต้องคอยเรียนไปเรื่อยๆนั่นแหล่ะครับ

ไม่ใช่เพราะว่าต้องการจะขี่ให้เก่งที่สุด แต่มุ่งเน้นไปที่ความเข้าใจในตัวรถ สภาพเส้นทาง และการเอาตัวรอดในเส้นทางท่องเที่ยวต่างๆ อย่างปลอดภัย และสนุกสนานกับการขับขี่ คือจุดประสงค์หลักของ Enduro Park Level 1 ที่ผมได้มาขับขี่ในคราวนี้

แทนที่เราจะต้องไปดิ้นรถ เรียนรู้ด้วยตัวเอง หาแนวทางและเทคนิคในการขับขี่เอง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหลายปี แต่กับการเรียนที่ Enduro Park นั้นได้สรุปเอาประสบการณ์ในการขับขี่ทั้งหมดของครูฝึกทั้ง พี่ไก๋ และพี่เอก เขย่ารวมกันออกมาเป็นแบบฝึกหัดง่ายๆ เข้าใจได้ง่าย และสามารถเอามาปรับใช้ได้จริงทันที 

การวนเล่นง่ายๆในสนามเด็กเล่น กลายเป็นความมั่นใจในตัวรถ ที่ทำให้เรา “พร้อม” ที่จะออกไปเผชิญเส้นทางท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัยมากขึ้นอย่างแน่นอน

แล้วเจอกันใหม่กับ Level 2 … ความสนุกกำลังจะเกิดขึ้น เร็วๆนี้

สนใจสอบถามเพิ่มเติมติดต่อ  https://shop.line.me/@bmwmotorradowners

ชี้เป้า Enduro Park Thailand https://goo.gl/maps/ZY9a2mpbZPNAfNcg9

โปรเด็ด (ตุลาคม 2021)

  • Level 1-2 เท่ากัน 1 วัน – 7,500 บาท
  • Level 3 เรียน 2 วัน – 15,000 บาท
  • ค่าเช่ารถ R 1250 GS, R 1200 GS, F 850 GS อยู่ที่ 5,000 – 4,000 – 3,000 บาท
  • ลูกค้า BMW Motorrad ลด 50% ทั้งค่าเรียน และค่าเช่ารถ

ขอบคุณ 

 

Comments